สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 71.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 76.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2567 ลงสู่ระดับ 2.4% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.7% โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกยังคงได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด และวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
ขณะเดียวกันธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.1% จากระดับ 1.7% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการขยายตัวในปี 2565 ที่ระดับ 3.1%
ทางด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 1.3% ในปี 2566 และขยายตัว 1% ในปี 2567 ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.6% และ 1.8% ตามลำดับ พร้อมระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้พลังงานของสหรัฐทั้งในปี 2566 และ 2567
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวขึ้น 0.12% แตะที่ 104.1263 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 9 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนก.ค. จากระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ค. และเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปมองว่า การปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบียจะไม่สามารถผลักดันให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 80-90 ดอลลาร์ได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ, แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการที่ประเทศนอกกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงเพิ่มกำลังการผลิต
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนพ.ค.ของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก ในวันนี้ และจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้เช่นกัน