นายโจว โซ่ว จือ (Shou Zi Chew) ซีอีโอ ของ ติ๊กต็อก (TikTok) แพลตฟอร์มสังคมออนไลน์สำหรับแบ่งปันคลิปวิดีโอ เปิดเผยว่า ติ๊กต็อก เตรียมลงทุน 12.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 423 ล้านบาท) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 120,000 ราย ปรับเปลี่ยนธุรกิจ จากออฟไลน์ สู่ออนไลน์ การลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย เงินช่วยเหลือ การฝึกอบรมทักษะทางดิจิทัล และเครดิตโฆษณาสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงธุรกิจขนาดย่อมในพื้นที่ชนบทและชานเมือง
นายโจว กล่าวว่าบทบาทของติ๊กต็อกด้านการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และการสร้างชุมชนในภูมิภาคและทั่วโลกนั้นเป็นที่ประจักษ์ โดยบริษัทฯ ตื่นเต้นสำหรับผลเชิงบวกจากแพลตฟอร์ม และมุ่งมั่นเดินหน้าช่วยเหลือผู้คน ชุมชน และธุรกิจให้เติบโตและก้าวหน้าต่อไป ระหว่างเข้าร่วมการเปิดงาน
ปรากฏการณ์ติ๊กต็อก : รายงานธุรกิจ การศึกษา และ ชุมชนในเอเชียที่เติบโตอย่างรวดเร็ว" (The TikTok Effect: Accelerated Asia's Business, Education and Community Report) ณ กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ผลการสำรวจ ระบุว่ารายได้ของธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 50 จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการบนติ๊กต็อก ขณะธุรกิจเกือบ 4 ใน 5 (ร้อยละ 79) เปลี่ยนผ่านจากช่องทางออฟไลน์ไปสู่การตลาดออนไลน์โดยใช้แพลตฟอร์มนี้ ด้านผู้สร้างคอนเทนต์กว่าร้อยละ 80 มีรายได้เพิ่มผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ติ๊กต็อก ไลฟ์ (TikTok LIVE) และการสนับสนุนจากแบรนด์
ด้านนายลูฮัต บินซาร์ ปันด์ไจตัน รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย กล่าวในงานว่าเศรษฐกิจดิจิทัลของอินโดนีเซียเติบโตจาก 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.42 ล้านล้านบาท) ในปี 2019 อยู่ที่ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.67 ล้านล้านบาท) ในปี 2022 โดยติ๊กต็อกถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่
อนึ่ง ติ๊กต็อกมียอดผู้ใช้งานทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 325 ล้านรายต่อเดือน ขณะจำนวนธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มอยู่ที่ราว 15 ล้านราย
ที่มา : ซินหัว