นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ถึงความพร้อมของทีมไทยแลนด์ ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 ที่จังหวัดภูเก็ต ในชื่องาน “Expo 2028 Phuket Thailand ชีวิตแห่งอนาคต: แบ่งปันความรุ่งเรือง อยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว (Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity)” ซึ่งจะมีการนำเสนอในขั้นตอนสุดท้ายในวันพุธที่ 21 มิถุนายน นี้ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
“นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญติดตามความพร้อม สั่งการ และสนับสนุนการประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตให้ได้เป็นเจ้าภาพการจัดงานในครั้งนี้ โดยรัฐบาลสนับสนุนการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระยะแรกในปี 2564 และในช่วงนี้ถือเป็นช่วงสุดท้ายก่อนการประกาศผลอย่างเป็นทางการ โดยนายกรัฐมนตรีขอส่งกำลังใจให้ทีมไทยแลนด์ ในการนำเสนอประเทศไทยในเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่ BIE ณ กรุงปารีส วันที่ 21 มิถุนายนนี้” นายอนุชา กล่าว
นายอนุชา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมเสนอชื่อในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo 2028 จากผู้เข้าร่วมการเสนอเป็นเจ้าภาพทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เซอร์เบียร์ สเปน อาร์เจนตินา และไทย ซึ่งจะมีการคัดเลือกโดยประเทศสมาชิกองค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau International des Expositions: BIE) 171 ประเทศ และจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มิถุนายน 2566 นี้
โดยประเทศไทยได้มีการเตรียมความพร้อมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากไทยได้รับเลือกจะมีกำหนดการจัดงานในวันที่ 20 มีนาคม – 17 มิถุนายน พ.ศ. 2571 อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดของประเทศไทยที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญ พร้อมทั้งยังมีความเป็นเอกลักษณ์ โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ มีศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับนานาชาติ ระบบนิเวศสวนสาธารณะที่ยั่งยืน และมีสถานที่อำนวยความสะดวกในการจัดงานต่างๆ โดยสิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งของจังหวัดภูเก็ต ประเทศไทยในการแข่งขันครั้งนี้
สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ คาดว่า
1. จะมีผู้เข้าร่วมงาน 4.9 ล้านคนตลอด 3 เดือนของการจัดงาน เงินสะพัดกว่า 49,000 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มกว่า 1.1 แสนตำแหน่ง
2. เกิดการพัฒนาเมืองของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดในกลุ่มอันดามันคลัสเตอร์ ได้แก่ กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสุราษฎร์ธานี
3. ยกระดับสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ของภูมิภาคอาเซียน และก้าวสู่การเป็นศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก
4. หลังจากการจัดงานจะสามารถพัฒนาเป็นศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์ประชุมนานาชาติ และ Ecological Park