หลังจากกระทรวงการคลัง ได้ประกาศรายชื่อและเปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" รอบแรก มายืนยันตัวตนที่ธนาคาร 3 แห่ง ซึ่งผู้ผ่านคุณสมบัติยังยืนยันตัวตนได้ตลอด
โดยการดำเนินการที่ธนาคารกรุงไทยไม่มีกำหนดสิ้นสุด แต่ในส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินจะเปิดให้ยืนยันตัวตนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2566 นี้ เท่านั้น
รีบยืนยันตัวตนรับเงินย้อนหลัง 3 เดือน
ล่าสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า ในกรณีของผู้ผ่านคุณสมบัติตั้งแต่รอบแรกซึ่งกระทรวงการคลังเริ่มให้ยืนยันตัวตนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 เป็นต้นมานั้น หากยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นี้ จะยังได้รับสิทธิดังนี้
แต่หากผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบแรก ยืนยันตัวตนหลังจากนั้น คือ ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2566 ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลัง แต่จะได้รับเฉพาะวงเงินปกติตามสิทธิของเดือนที่เริ่มใช้สิทธิเท่านั้น
รอบอุทธรณ์ยืนยันตัวตนถึง 26 ก.ย.66
ส่วนผู้ผ่านคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ประกาศผลและเริ่มให้ผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทยอยยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2566 เป็นต้นมา จำนวน 26,696 รายนั้น หากยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นี้ จะได้สิทธิวงเงินค้าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลัง 3 เดือนเช่นเดียวกัน และหากยืนยันตัวตนหลังจากนี้ไปจนถึง 26 กันยายน 2566 จะยังได้รับสิทธิในวงเงินค่าสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลังอยู่
แต่หากดำเนินการหลังจากนั้น คือตั้งแต่ 27 กันยายน 2566 เป็นต้นไปจะไม่ได้รับวงเงินย้อนหลัง แต่ได้รับเฉพาะวงเงินปกติตามสิทธิของเดือนที่เริ่มใช้สิทธิเท่านั้น
วิธีการยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สำหรับวิธีการยืนยันตัวตน ผู้ผ่านคุณสมบัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเองผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ welfare.mof.go.th หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน
กลุ่มเปราะบางมอบอำนาจยืนยันตัวตน
กรณีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ไม่สามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง อาทิ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางได้ สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ โดยใช้เอกสารดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชนผู้ได้รับสิทธิ
2. หนังสือมอบอำนาจการยืนยันตัวตน (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ)
3. บัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ
4. บัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
5. ใบสำคัญการหย่าหรือ ใบมรณบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย หรือทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายตาย (เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไขที่ได้ยื่นเอกสารหนังสือประกอบการพิจารณา กรณีผู้ลงทะเบียนไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้)
ติดตามรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ กระทรวงการคลัง