น้ำมัน WTI ปิดบวก 30 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบลดมากกว่าคาด

29 มิ.ย. 2566 | 23:51 น.
อัปเดตล่าสุด :29 มิ.ย. 2566 | 23:58 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกในวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด แต่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องนักลงทุนวิตกดอกเบี้ยขาขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 69.86 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 74.34 U.S. ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลง 9.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเพียง 600,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล

อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในงานเสวนาที่ประเทศโปรตุเกสเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกันในปีนี้ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในงานเสวนาดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า อัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังสูงเกินไป และมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงเช่นนี้เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้ ECB ต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกดดันในระหว่างวัน หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกเปิดเผยว่า กำไรในภาคอุตสาหกรรมร่วงลง 18.8% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เนื่องจากบริษัทในภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุปสงค์ที่อ่อนแอลง และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19