Think Business, Think Hong Kong จะขยายธุรกิจ ทำไมต้องคิดถึง “ฮ่องกง”

15 ก.ค. 2566 | 00:40 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ค. 2566 | 00:57 น.

องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council: HKTDC) จัดอีเวนต์ใหญ่ Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) ยกทัพบริษัทเอกชน-สตาร์ทอัพ ขนแบรนด์ดังฮ่องกงพร้อมนวัตกรรมแห่งยุคสมัยบุกกทม.

 

งาน Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) จัดขึ้นที่เซ็นทารา แกรนด์ และบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิล์ด กรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรกระหว่าง 13-14 ก.ค. 2566 ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ งานนี้กลายเป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรทั้งงานแสดงสินค้า งานเสวนา และกิจกรรมต่อยอดสร้างเครือข่าย ที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจ-ผู้ประกอบการไทย ได้มีโอกาสมารับทราบถึง ศักยภาพและความเป็นเลิศของฮ่องกง ในฐานะประตูสู่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดระดับนานาชาติ

เนื่องจาก ฮ่องกง และ ประเทศไทย มีความสัมพันธ์ทางการค้าอันแน่นแฟ้น ผู้จัดแสดงจากฮ่องกงกว่า 100 ราย อาทิ AEC, AEL, Farm66, DPM, Gui Ling Yuan Fang, Memorigin และอีกมากมาย ได้นำผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยม เทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม และความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพมานำเสนอ เน้นหนักในการตอบโจทย์กระแสนิยมใหม่ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน บริษัทต่างๆ ของไทยก็มีโอกาสได้พบปะกับผู้ที่มีโอกาสเข้ามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และค้นพบห่วงโซ่อุปทานสำหรับการร่วมมือกันทางธุรกิจ

งาน Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) จัดขึ้นที่เซ็นทารา แกรนด์ และบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิล์ด กรุงเทพมหานครเป็นครั้งแรก(13-14 ก.ค. 2566)

นาย โรนัลด์ โฮ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) กล่าวกับฐานเศรษฐกิจว่า สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ทางธุรกิจอันแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนานกับฮ่องกง และเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสอง “เป้าหมายหลักของเราคือการชูจุดแข็งของฮ่องกงในด้านสินค้าและบริการ และแนะนำเสนอการพัฒนาด้านต่างๆ ของฮ่องกง เพื่อแสดงให้กลุ่มธุรกิจไทย มองฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางธุรกิจนานาชาติชั้น นำ และในฐานะแพลตฟอร์มทางธุรกิจและการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าอย่างสูงสุดในประเทศจีน ขณะเดียวกัน เราต้องการแสดงให้เห็นว่า กลุ่มธุรกิจไทยและฮ่องกงสามารถร่วมมือกันสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่กันและกัน และรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการค้าอย่างยาวนานได้”

นายโรนัลด์ยังกล่าวด้วยว่า โอกาสเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยหน่วยงานรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีวิสัยทัศน์ รวมทั้งการมีข้อตกลงทางการค้า เช่นข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTAs) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ที่จะช่วยประสานความร่วมมือในระดับภูมิภาค

เป้าหมายหลักของงาน คือการชูจุดแข็งของฮ่องกงในด้านสินค้าและบริการ และแนะนำเสนอการพัฒนาด้านต่างๆ ของฮ่องกง

ทำไมคิดขยายธุรกิจ ต้องคิดถึงฮ่องกง

ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นภูมิศาสตร์สำคัญของเอเชีย ทำหน้าที่ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ ด้วยข้อได้เปรียบที่เด่นชัดต่างๆ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือด้านระบบกฎหมาย การเงิน การลงทุน และภาษี ช่วยผลิตสินค้าและบริการการค้าคุณภาพสูง และเปี่ยมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยและสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นเสมือนประตูสู่การสำรวจและพัฒนาทางธุรกิจที่เชื่อมไปสู่ประเทศจีน ภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคอื่นๆ ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่

นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเป็นสะพานระหว่างประเทศจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับกระแสเงินทุน สินค้า ข้อมูล และผู้คนที่มีความรู้ความสามารถ แผนพัฒนาต่างๆ เช่น โครงการ Belt and Road Initiative และเขตเศรษฐกิจ Guangdong Hong Kong Macao Greater Bay Area (GBA) ครอบคลุมถึงฮ่องกง และแผนพัฒนาเหล่านี้ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ขยายบทบาทของฮ่องกงในการเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า การขนส่ง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม กล่าวได้ว่า ฮ่องกงเป็นพาร์ทเนอร์ในอุดมคติของบริษัทในไทยที่ต้องการค้นหาโอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษของฮ่องกงและตลาดนานาชาติ

ฮ่องกงเป็นสะพานระหว่างประเทศจีนและส่วนอื่นๆ ของโลก โดยมีบทบาทในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับกระแสเงินทุน สินค้า ข้อมูล และบุคลากร

งานครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยมองหาโอกาสทางธุรกิจจากผลิตภัณฑ์และบริการไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์จากผู้จัดแสดงสินค้าจากฮ่องกงจำนวน 120 ราย เป็นผลิตภัณฑ์และบริการจากหลากหลายภาคส่วนในด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี บ้านและที่อยู่อาศัย ของเล่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก และโซลูชั่นเมืองอัจฉริยะ ซึ่งมากกว่า 80% กำลังจะเปิดตัวในตลาดประเทศไทย ตัวอย่างเช่น

  • OmniFoods เป็นผู้ขับเคลื่อนแนวคิดอาหาร plant-based รายแรกที่ให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมุ่งไปสู่ความยั่งยืน
  • กลุ่มบริษัท AEC (Allied Environmental Consultants) ผู้เชี่ยวชาญ-ที่ปรึกษาภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในเรื่องการเงิน, การบริหารจัดการการลงทุน, การระดมทุนและอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นความยั่งยืนเป็นสำคัญ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1994  AEC มีความสนใจเป็นพิเศษที่จะนำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านอาคารสีเขียวและ ESG เนื่องจากเห็นว่าประเด็นดังกล่าว เป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างเน้นความสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งความต้องการในท้องตลาดด้านโซลูชันเพื่อความยั่งยืนด้านต่างๆ นั้นก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
  • บริษัท AEL (International Holdings) Limited เป็นผู้เชี่ยวชาญโซลูชันแบบพร้อมใช้งานทันที (turn-key) ด้านการบำบัดขยะอาหาร ด้วยการแปลงสภาพขยะเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทเป็นเจ้าของสิทธิบัตรยูนิตขนาดเล็ก (ขนาดเท่ากับตู้คอนเทนเนอร์สองตู้) สำหรับใช้ดำเนินการบำบัดขยะอาหารขั้นต้น และสามารถแปลงสภาพขยะอาหารให้กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือยูนิตขนาดกะทัดรัด แต่พลังสูงและใช้งานได้ง่าย ช่วยให้กระบวนการขนส่งเป็นไปได้อย่างเรียบง่ายในราคาที่ถูกยิ่งกว่าเดิม เป็นผลงานที่ชนะรางวัลระดับนานาชาติมาแล้วมากมาย “เราให้ความสนใจในการขยายธุรกิจมายังประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย ก่อนหน้านี้เราได้ศึกษาวิจัยข้อมูลมาจนทราบว่า ปัญหาเรื่องขยะอาหารในประเทศเหล่านี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่ฮ่องกงมาก โดยขยะเกือบทั้งหมดจะถูกกำจัดด้วยวิธีการนำไปถมดิน จนก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้น เราเห็นว่านี่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีในยุคที่โลกให้ความสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยสารคาร์บอน” Jude Chow ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AEL กล่าว

สวนเกษตรกลางเมืองแนวตั้ง นวัตกรรมจาก Farm66

  • Farm66 ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการเกษตรในการทำฟาร์มในร่ม โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์เชิงนิเวศคุณภาพสูงในโรงงานเกษตรกรรมที่ปรับขนาดได้ Farm66 เป็นผู้นำในการทำฟาร์มกลางเมืองแบบ Aquaponics (ปลูกพืชควบคู่เลี้ยงปลา) มาเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษ บริษัทมีโซลูชันการเกษตรแบบทันสมัยที่ตอบโจทย์ให้กับปัญหาที่พบเห็นในเกษตรกรรมตามรูปแบบดั้งเดิม เพราะเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรมที่ใช้นั้น มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งปลอดการปนเปื้อนจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นโลหะหนัก, ยาฆ่าแมลง, ปุ๋ย, สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง ตลอดจนภัยทางธรรมชาติต่างๆ เทคโนโลยีปลูกพืชโดยไร้ดินของ Farm66 ช่วยให้เกษตรกรสามารถปลูกผักผลไม้ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยสมบูรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์นอกอาคารแต่อย่างใด เมื่อนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัตโนมัติมาเสริมและเพิ่มขีดความสามารถด้าน IoT แล้ว ก็จะสามารถสร้างผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างหลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงสมุนไพรจีนและสินค้าเกษตรพิเศษอย่างวาซาบิด้วย นอกจากนี้ โมดูลคอนเทนเนอร์ (โครงสร้างสำหรับใช้ปลูกพืชในแนวตั้ง) ที่สามารถติดตั้งตามโรงแรมหรือที่ชั้นล่างของอาคารสำหรับอยู่อาศัย ผู้ปลูกพืชจะสามารถควบคุมการผลิตสินค้าทางเกษตรกรรมของตนได้ง่ายๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นี่นับเป็นวิธีการที่ลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผักและผลไม้คงความสดยิ่งขึ้น

Farm66 ได้ประสบความสำเร็จในการออกโปรโมตเทคโนโลยีชนิดนี้ที่ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ญี่ปุ่นและเขตซินเจียง “เรากระตือรือร้นเป็นอย่างมากที่จะขยับขยายมายังตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่โลกทั้งใบกำลังประสบวิกฤติการณ์ด้านอาหารในตอนนี้ เทคโนโลยีของเราจะยิ่งเป็นประโยชน์ในสถานที่อย่างเช่นประเทศไทย ซึ่งมีโรงแรมหลายแห่งตามเกาะขนาดเล็กๆ ที่ประสบอุปสรรคในการเข้าถึงผักผลไม้ที่สดใหม่ แต่เมื่อมีเราช่วย โรงแรมเหล่านี้จะได้ผักสลัดไว้เสิร์ฟในบุฟเฟต์โดยที่ประหยัดค่าขนส่งและได้ผักที่สดกว่าเดิม’’ กอร์ดอน แทม ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุด (CEO) ของ Farm66 กล่าว

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบริษัทฮ่องกงที่เข้าร่วมงาน Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในงานยังประกอบไปด้วยผู้ให้บริการโซลูชันเมืองอัจฉริยะ 7 ราย โดย Smart City Consortium รวมถึงบริษัทฮ่องกง 13 แห่ง ที่นำโดย สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าฮ่องกง ได้มีการจัดแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆอีกด้วย