เอกชนบี้ตั้งรัฐบาล อัดงบกระตุ้นส่งออก

08 ส.ค. 2566 | 05:51 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2566 | 06:00 น.

เอกชนหวังเร่งตั้งรัฐบาล อัดงบกิจกรรมกระตุ้นการส่งออก ชี้ครึ่งปีหลังปัจจัยเสี่ยงเพียบทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักยังคงขยายตัวแบบชะลอลงและฟื้นตัวแบบหน่วง  ทั้งปียังคงเป้า -0.5% ถึง 1%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกในครึ่งปีหลังว่ายังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ฝั่งตะวันออกและตะวันตก ส่งผลอย่างยิ่งต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักยังคงขยายตัวแบบชะลอลงและฟื้นตัวแบบหน่วง เช่น ตลาดสหรัฐ ยุโรป และจีน

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ระบบการเงินมีแนวโน้มสภาพคล่องลดลงและการปล่อยสินเชื่อตึงตัวขึ้น ซึ่งสงผลถึงต้นทุนการผลิตยังคงสูง อาทิ ค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบการผลิต ส่งผลต่อความสามารถทางด้านการแข่งขันด้านราคาของสินค้าไทย  ความเสี่ยงจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อปริมาณน้ำในเขื่อนและแหล่งกักเก็บน้ำ รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรในช่วงปลายปี

 

เอกชนบี้ตั้งรัฐบาล อัดงบกระตุ้นส่งออก

อย่างไรก็ตามสรท. มีข้อเสนอแนะสำคัญโดยเฉพาะการเร่งกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนแผนกิจกรรมการส่งออกในครึ่งปีหลัง รวมถึงการเจรจาการค้าเสรี (FTA) ให้มีความต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีสเถียรภาพ และเร่งหาตลาดใหม่เพิ่มเติม ซึ่งภาครัฐและเอกชน ต้องเร่งบริหารจัดการลดผลกระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตที่ปรับสูงขึ้น อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าแรง อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลต่อการเจรจาทางการค้ากับคู่ค้า โดยอาจเสียเปรียบคู่แข่งที่สำคัญ รวมถึงต้องเร่งการลงทุนเพื่อปรับปรุงกระบวนการของภาคการผลิตและกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพื่อรองรับมาตรการทางค้าใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง           

 

ทั้งนี้ ภาครัฐและเอกชน ต้องเร่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการในโซ่อุปทาน (Supply Chains Financing) โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)ต้องเร่งเพิ่มทักษะและสมรรถนะของแรงงาน ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พัฒนาและปรับตัวโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตจนถึงส่งมอบสินค้าในการเร่งแสวงหาช่องทางหรือรูปแบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในรูปแบบใหม่ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง และยกระดับประสิทธิภาพและโลจิสติกส์ให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า

เอกชนบี้ตั้งรัฐบาล อัดงบกระตุ้นส่งออก

ส่วนภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม – มิถุนายนของปี 2566 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน  พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 141,170.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 5.4% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 4,790,352 ล้านบาท หดตัว 3.1% (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม - มิถุนายน หดตัว 2.3%)

ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 147,477.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัว 3.5% และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 5,067,514 ล้านบาท หดตัว 1.3% ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566 ขาดดุลเท่ากับ 6,307.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 277,162 ล้านบาทสรท. คงคาดการณ์เป้าหมายการทำงานด้านการส่งออกรวมทั้งปี 2566 ระหว่าง -0.5% ถึง 1% (ณ เดือนสิงหาคม 2566)