นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ถึงปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นทุกหน่วยงาน เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน และวิธีปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบไปพลางก่อน
ทั้งนี้ สำนักงบประมาณ ระบุว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะประกาศใช้บังคับ ไม่ทันในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. /560 มาตรา 141 บัญญัติให้ใช้กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณปีก่อนนั้นไปพลางก่อน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ผ่านการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีแล้ว
โดยที่ผ่านมา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน เป็นเวลา 8 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 โดยกำหนดวงเงินที่ส่วนราชการต่าง ๆ จะสามารถใช้จ่ายได้วงเงินไม่เกิน 1.8 ล้านล้านบาท
หลักเกณฑ์-เงื่อนไขใช้งบไปพลางก่อน
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน กำหนดรายละเอียด ดังนี้
การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ภายใต้กรอบวงเงินของแผนงานและรายการตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 รวมถึงที่มีการโอนเปลี่ยนแปลง ตามกฎหมาย
ส่วนการอนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน ภายใต้กรอบวงเงินของแต่ละแผนงานและรายการตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รวมถึงที่มีการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย ประกอบด้วย
ขณะที่การบริหารงบประมาณรายจ่าย ให้หน่วยรับงบประมาณจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพัน ภายในวงเงินที่ได้รับจัดสรรตาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เมื่อได้รับความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ และได้รับอนุมัติเงินจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว
ส่วนการโอนงบประมาณรายจ่าย การโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรให้กระทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็น เพื่อบรรลุเป้าหมายตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือเพื่อแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงาน เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ พัฒนาบุคลากร พัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะต้องแสดงเหตุผลความจำเป็นหรือความเหมาะสม
โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชน ความประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเป้าหมายการให้บริการกระทรวง
นอกจากนี้การปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้กระทำได้ เฉพาะกรณีที่จำเป็นเพื่อการปรับปรุงเป้าหมายหรือตัวชี้วัดของแผนงาน ผลผลิต หรือโครงการ หรือกรณีที่ คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแลมีนโยบายใหม่ ซึ่งหน่วยรับงบประมาณ ต้องปรับปรุงเป้าหมายของแผนงาน ผลผลิต หรือโครงการ ให้สอดคล้องกับนโยบาย นั้นด้วย
วิธีปฏิบัติใช้งบไปพลางก่อน
ขณะที่ วิธีปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณไปพลางก่อน นั้น สำนักงบประมาณ ได้กำหนดวิธีปฏิบัติในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การอนุมัติเงินจัดสรร การบริหารงบประมาณรายจ่าย การติดตามและ ประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ และการหักงบประมาณรายจ่าย ตามข้อ 6 ของหลักเกณฑ์และเงื่อนไข การใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไปพลางก่อน ดังต่อไปนี้
ด้านการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันในไตรมาสที่ 1-2 ส่วนไตรมาสที่ 3 เฉพาะเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (1 ตุลาคม 2566 - 31 พฤษภาคม 2567)
เว้นแต่รายจ่ายประจำที่มีความจำเป็นต้องก่อหนี้ผูกพันสิบสองเดือน ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายงบประมาณตามที่ต้องดำเนินการจริง โดยจำแนกเป็นรายเดือนส่งให้สำนักงบประมาณ อย่างช้าภายในวันที่ 15 กันยายน 2566
ขณะที่ การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้หน่วยรับงบประมาณที่ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ตาม พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ให้จัดทำแผนภายในวงเงินไม่เกินสองในสามของแต่ละแผนงาน และรายการ (งบประมาณรายจ่ายงบกลาง) ตาม พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 รวมถึงที่มีการโอนเปลี่ยนแปลงตามกฎหมาย
สำหรับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ
เงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณ
การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้ผลผลิตหรือโครงการเดิมในปีงบประมาณ 2566 แต่อาจปรับปรุงวิธีดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงแนวทางดำเนินการและงบประมาณรายจ่ายที่ขอรับเงินจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ด้วย จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
ทั้งนี้เมื่อหน่วยรับงบประมาณได้รับความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณจากสำนักงบประมาณแล้ว ให้แจ้งรัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล หรือควบคุมกิจการของหน่วยรับงบประมาณ หรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย แล้วแต่กรณีทราบ เพื่อใช้ในการกำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ
สำหรับงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ให้หน่วยรับงบประมาณแจ้งหน่วยงานเจ้าภาพหลัก เพื่อแจ้งให้ผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการทราบ เพื่อใช้ในการกำกับดูแลและติดตาม การปฏิบัติงานและการใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ
การอนุมัติเงินจัดสรรงบประมาณ
เมื่อสำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ แล้ว สำนักงบประมาณจะพิจารณาอนุมัติเงินจัดสรรให้หน่วยรับงบประมาณตามความจำเป็นและ ภารกิจ ตามแผนงาน ผลผลิตหรือโครงการ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันตาม แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 โดยหน่วยรับงบประมาณ ไม่ต้องยื่นขอรับอนุมัติเงินจัดสรร
ส่วนการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น แก่หน่วยรับงบประมาณที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ให้เพียงพอต่อการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้คำนึงถึงวงเงินงบประมาณ รายจ่ายแต่ละแผนงานที่เสนอตั้งสำหรับหน่วยรับงบประมาณนั้น ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567
การบริหารงบประมาณรายจ่าย
ขณะที่การใช้งบประมาณรายจ่ายตามที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรร การโอนงบประมาณรายจ่าย การโอนเงินจัดสรร หรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
กรณีหน่วยรับงบประมาณมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ได้เฉพาะกรณี ดังนี้