“เศรษฐา” สั่งลดค่าไฟฟ้าต่ำกว่า 4 บาท ดูแลราคาเบนซิน-ผ่อนรถ

18 ก.ย. 2566 | 05:02 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.ย. 2566 | 06:45 น.

นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง สั่งลดค่าไฟเหลือ 3 บาท ชี้ประชุมครม.ครั้งถัดไป เล็งลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดูแลผ่อนรถ ยันแจกเงินดิจิทัล แหล่งงบชัดเจนอีก 10 วัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เรื่องที่จะทำเร่งด่วน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบประชาชน จะมีการดูแลเรื่องราคาน้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ระเอียดอ่อน จะต้องพิจารณาถึงภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ และมีรายได้น้อย 

ทั้งนี้ จะมีมาตรการที่จะออกมาเรื่อยๆ เช่น เรื่องค่าไฟ ขณะนี้ลดลงมาเหลือ 4.10 บาทแล้ว ต่ำกว่าข้อเสนอของภาคอุตสาหกรรมเรียกร้องให้ลดลงมาอยู่ที่ 4.25 บาท และวันนี้ก็มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเจรจาต่อ อยากให้เห็นเลข 3 ซึ่งอาจจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์

“ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายสูง เงินในกระเป๋าลดลง จึงต้องใช้นโยบายการลดค่าใช้จ่าย เช่น การพักหนี้เกษตรกร ที่ผ่านมาพักแล้วมา 13 ครั้ง แต่ภาพใหญ่ในการบูรณาการไม่มีการจัดการอย่างชัดเจน ต้องมีการให้ความรู้ดูแลเกษตรกรเสริมสร้างรายได้เพิ่ม ส่วนภาคอื่น เช่น ครู ก็จะมีการดูแล ในการประชุมครม.ครั้งต่อไป จะมีนโยบายดูแลเรื่องการผ่อนรถ การลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน”

ส่วนนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ตนั้น จะพยายามออกให้เร็วที่สุดไม่เกินไตรมาส 1 ของปี 67 เรื่องการกำหนดรัศมีต้องมาดูรายละเอียด เรื่องรัศมี 4 กิโลเมตรนั้น ไม่อยากให้ขยายระยะทางเกินไปเยอะ เพราะอยากให้ประชาชนที่ไปทำงานหัวเมืองใหญ่ อยากให้กลับไปใช้จ่ายที่บ้าน

ทั้งนี้ ยืนวันว่า ดิจิทัล วอลเล็ต จะใช้ระบบบล้อกเชนแน่นอน และเมื่อเป็นรัฐบาลผสม ต้องมีการหารือร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่มีงบประมาณที่นำมาใช้แน่นอน ยืนยันว่าอีก 10 วันมีความชัดเจน

“วอลเว็ต จะช่วยให้ประชาชนมีเม็ดเงินใช้จ่าย ขณะเดียวกัน ยังเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องกลไกการตลาดของผู้ประกอบการ เช่น หากประกาศใช้ 1 ก.พ.67 ผู้ประกอบการต้องเข้าใจว่าเม็ดเงิน 5.6 แสนล้านบาทที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการจะมีการผลิตสินค้ารองรับการตลาด เป็นกระตุ้นเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นก่อนมาตรการออกมา และผู้ประกอบการสามารถใช้กลไกทางการตลาดเข้ามาแข่งขันกันได้ หากไปใช้ที่ห้างสรรพสินค้า จากมูลค่า 100 บาท จะเพิ่มเป็น 110 บาทได้หรือไม่”

นอกจากนี้ ได้ดำเนินการเรื่องวีซ่าฟรี มองว่าการยกเว้นการขอวีซ่าเป็นเรื่องต้องเร่งด่วน เพราะอีก 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ไฮซีซั่นแล้ว ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน และกระทรวงการต่างประเทศ มหาดไทยก็ตอบรับได้เป็นอย่างดี วีซ่าฟรีของคนจีนก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 25 ก.ย.นี้

ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวอินเดียยังไม่วีซ่าฟรี เพราะเที่ยวบินที่อินเดียยังไม่เปิดมาเยอะ อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะได้ไปหารือร่วมกับผู้นำอินเดียเพื่อดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากนักท่องเที่ยวอินเดียมีการใช้จ่ายสูงในประเทศไทย

“เป้าหมายวีซ่าฟรีของจีน คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามา 35,000 ล้านบาท แต่ยังไม่รวมการจับจ่ายใช้สอย เช่น การซื้อหมอนยางพารา และซื้อชุดนักเรียนมาใส่ เป็นต้น ส่วนกรณีข้อกังวลเรื่องทุนสีเทาที่เข้ามานั้น ฝ่ายความมั่นคงตระหนักดี เป็นหน้าที่จะต้องบริหารจัดการ และแม้เราให้วีซ่าฟรี แต่เรื่องแบล็คลิสก็ต้องบริหารจัดการให้ได้”

นายเศรษฐา กล่าวว่า การแก้ปัญหาภัยแล้ง ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะเกิดขึ้น และต้องดูแล วิธีการแก้ปัญหา พืชที่อาจจะมาปลูกแทนพืชที่กินน้ำเยอะ หากเกษตรกรยังจะปลูกข้าวอย่างเดียวก็ต้องมีการบริหารจัดการน้ำ

ซึ่งเรื่องบริโภค ดูแลระบบนิเวศ และภาคอุตสาหกรรมไม่ขาดแคลน แต่จะเป็นปัญหาใหญ่ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า เพราะจะมีอุตสาหกรรมเข้ามาเยอะ ขณะที่ภาคส่วนเกษตรเป็นภาคที่ใหญ่จะต้องบริหารจัดการได้ ทั้งการสร้างฝายคันดิน ฝายซีเมนส์ การรอกฝายที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เป็นต้น