เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 100 บาท บัตรสวัสดิการแห่งรัฐโอน 10 ต.ค.66

10 ต.ค. 2566 | 07:14 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ต.ค. 2566 | 07:37 น.

เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 100 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน กรมบัญชีกลาง โอนแล้ว ส่วนไทม์ไลน์โอนเงินผู้ถือบัตรคนจนตลอดเดือน ต.ค. ใช้จ่ายอะไรบ้างอ่านด่วน

วันที่ 5 ตุลาคม 2566 เหลืออีกเพียง 1 วันเท่านั้นที่ กรมบัญชีกลาง โอนเงินเบี้ยผู้สูงอายุจำนวน 100 บาทใ ห้กับผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจนที่เกิดก่อนวันที่ 1 กันยายน 2566  ขณะที่การโอนเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจ กรมบัญชีกลางอัปเดตไทม์ไลน์การโอนเงินสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนตุลาคม 2566 จ่ายอะไรบ้าง

โดยในเรื่องนี้ นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ผู้มีสิทธิจะสามารถใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ซึ่งในเดือนตุลาคม 2566 จะได้รับสิทธิ ดังนี้

วันที่ 1 ตุลาคม 2566 (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)

  •  วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน

**สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 สิงหาคม - 26 กันยายน 2566 และเริ่มใช้สิทธิได้วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์ และกลุ่มตกหล่น รวมทั้งผู้ผ่านสิทธิที่ดินเพิ่มเติม จะได้รับการทบสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้า 6 เดือน (ของเดือนเมษายน - กันยายน 2566) รวมจำนวน 1,800 บาท

  • วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ตุลาคม - ธันวาคม 2566)
  •  วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL/EBM) และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ

วันที่ 6 ตุลาคม 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น ที่ผู้มีสิทธิได้ยื่นหนังสือให้ความยินยอมไว้แล้ว) ที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด

  •  เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน - กันยายน 2566)

**สำหรับผู้มีสิทธิที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่เกิดก่อนวันที่ 1 กันยายน 2506 และยืนยันตัวตน (e-KYC) ภายในวันที่ 26 กันยายน 2566 ผูกบัญชีพร้อมเพย์ภายในวันที่ 3 ตุลาคม 2566

วันที่ 20 ตุลาคม 2566 (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของผู้มีสิทธิ หรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)

  • เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน

**สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตนวันที่ 27 สิงหาคม - 26 กันยายน 2566 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง ยกเว้น ผู้ผ่านสิทธิรอบอุทธรณ์

และกลุ่มตกหล่น รวมทั้งผู้ผ่านสิทธิที่ดินเพิ่มเติม จะได้รับการทบสิทธิเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ (ของเดือนเมษายน - กันยายน 2566) ตามเดือนที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท

“ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

วันนี้ 10 ตุลาคม กรมบัญชีกลาง จะดำเนินการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการ และเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ประจำเดือนตุลาคม 2566 ในวันอังคาร ที่ 10 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566

โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีสิทธิ์ หรือผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้ดูแลคนพิการ และผู้ปกครองเด็กแรกเกิด ดังนี้

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ในอัตราแบบขั้นบันได

  • อายุ 60-69 ปี อัตรา 600 บาท/เดือน
  • อายุ 70-79 ปี อัตรา 700 บาท/เดือน
  • อายุ 80-89 ปี อัตรา 800 บาท/เดือน
  • อายุ 90 ปี ขึ้นไป อัตรา 1,000 บาท/เดือน

เบี้ยความพิการ เดือนละ 800 และ 1,000 บาท ดังนี้

  • อายุต่ำกว่า 18 ปี เดือนละ 1,000 บาท
  • อายุ 18 ปีขึ้นไป เดือนละ 800 บาท

เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เดือนละ 600 บาทต่อเดือน จนอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมบัญชีกลาง

Call Center 0-2270-6400 หมายเลขโทรศัพท์กลาง 0-2127-7000

ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบสถานะของผู้ลงทะเบียนได้ด้วยตนเองที่ (คลิก) 

สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โทรศัพท์หมายเลข 08 2091 7245, 08 2037 9767, 08 3431 3533, 06 5731 3199 (ในวันเวลาราชการ จันทร์ - ศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 17.00 น.) ศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวง พม. โทร. 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง.