นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า หลังจากนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดเรื่องการขยายระยะเวลาการเปิดให้บริการสถานบันเทิง ผับ บาร์ นั้น กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบนโยบายจากนายกฯ แล้ว โดยจากนี้กำลังพิจารณาว่าขยายเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว หรือกำหนดโซนที่เหมาะสมได้หรือไม่
“นายกฯ ได้สั่งการโดยตรงมาเองถึงแนวคิดการขยายระยะเวลาเปิดสถานบันเทิง ถ้าพื้นที่ไหนมีความปลอดภัยก็เปิดได้ โดยไม่มีเหตุรุนแรงอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการใช้อาวุธ ซึ่งการเข้มงวดตอนนี้ฝ่ายปกครองตามต่างจังหวัดก็เข้มงวดกวดขันเต็มที่”
นายอนุทิน ยอมรับว่า แนวคิดการขยายระยะเวลาเปิดสถานบันเทิงนั้น ก็เป็นหนึ่งเรื่องที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ และจะช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการสถานบันเทิง พนักงาน และศิลปินต่าง ๆ ได้ หลังจากคนกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มานานหลายปี จึงต้องให้คนกลุ่มนี้กลับมาฟื้นฟูรายได้ โดยสิ่งสำคัญคือต้องควบคุมให้ได้ ถ้าควบคุมได้ก็คงไม่มีปัญหา
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาแนวทางการขยายระยะเวลาการปิดผับ บาร์ เพื่อช่วยการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเตรียมทบทวนข้อกฎหมาย แนวทางปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ และเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในภูมิภาค
โดยนายกฯ ยอมรับว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้เปรียบในทุก ๆ ด้าน แต่เรายังโปรโมทน้อยไปคือแหล่งท่องเที่ยว และ การจัดงานระดับโลก ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม แต่มีบางอย่างที่เราเองอาจจะหลอกตัวเอง หรือพูดแบบบ้าน ๆ คือการเป็นสังคมอีแอบอยู่ ทั้งกฎหมาย และข้อบังคับต่าง ๆ หากคนเข้ามาถึงตอน 4-5 ทุ่ม ผับ บาร์ปิดหมด แต่ก็มีลักลอบเปิดอยู่ดี ตรงนี้จะทำยังไง
“เราต้องมาดูว่าเพียงพอไหม ถ้าไม่พอก็ลองคิดกันดูไหม แล้วยอมรับความจริงว่าเราควรจะต้องขยายเวลาปิดผับออกไปไหม ควบคู่ไปกับเรื่องระบบภาษีต่าง ๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลนี้ก็เตรียมความพร้อมวีซ่าจีน เป็นจุดเริ่มต้น และยังมีอีกนโยบายอีกหลายอย่างที่จะคลอดออกมา เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลางของการท่องเที่ยว” นายกฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาล มีความเชื่อว่า ถ้าได้ผลักดันนโยบายดี ๆ ออกไป จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยอยากให้มีการนำเสนอข้อมูลทั้งสองด้าน พร้อมทั้งให้ทุกฝ่ายพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา และมีข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ด้วย