KTB คาด"เงินเฟ้อ"ปีนี้ 1.5% รับนิสงส์ค่าไฟ-ราคาน้ำมันลด

07 ต.ค. 2566 | 02:54 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2566 | 02:54 น.

KTB คาด"เงินเฟ้อ"ปีนี้ 1.5% รับนิสงส์ค่าไฟ-ราคาน้ำมันลด ระบุตั้งแต่ต้นปี 2565 ภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชี้มาจากราคาหมวดพลังงานถึง 45% เผยเอลนีโญดันเงินเฟ้อปี 67 พุ่ง

Krungthai COMPASS เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อปีนี้มีแนวโน้มอยู่ที่ 1.5% โดยส่วนหนึ่งจากราคาพลังงานที่ปรับลดลงตามนโยบายของภาครัฐ ทั้งการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 66 

และนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูง โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากราคาหมวดพลังงานประมาณ 45%

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าลง 0.46 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 66  (จากเดิม 4.45 บาทต่อหน่วย ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค. 66) ซึ่งลดลงราว 15% และมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร (จากเดิมที่ 32 บาทต่อลิตร) 

โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.–31 ธ.ค. 66 มาตรการลดราคาพลังงานเหล่านี้จะเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูง โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ภาระค่าครองชีพของผู้บริโภคสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมาจากราคาพลังงานประมาณ 45% ของภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี Krungthai COMPASS ประเมินว่ามาตรการลดราคาพลังงานของภาครัฐจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ลดลง 0.2pp และทำให้อัตราเงินเฟ้อปี 2566 อยู่ที่ 1.5%

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นจากอุปทานที่ตึงตัวส่งผลให้ภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มติดลบมากขึ้น ข้อมูลวันที่ 1 ต.ค. 2566 ติดลบสูงถึง 6.5 หมื่นล้าน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อราคาน้ำมันภายในประเทศที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในปี 2567 หากมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐสิ้นสุดลง 
 

นอกจากนี้ความเสี่ยงจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตร โดยจะเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อปี 2567 มีแนวโน้มเร่งตัวเพิ่มขึ้น
          
กระทรวงพาณิชย์ รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ก.ย. ขยายตัว 0.30%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.88%YoY และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.8% จากหมวดอาหารสดและหมวดพลังงาน โดยราคาอาหารสดหดตัวครั้งแรกในรอบ 22 เดือนที่ -1.3%YoY ตามราคาเนื้อสุกรที่ลดลงเนื่องจากปริมาณเนื้อสุกรในระบบเพิ่มขึ้น และราคาผักสดที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคากลุ่มข้าวแป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้งขยายตัวเร่งขึ้น 4.58%YoY จากเดือนก่อนที่ 2.46%YoY สำหรับหมวดพลังงานขยายตัว 1.21%YoY ชะลอลงจากเดือน ส.ค. ที่ 2.58%YoY จากการปรับลดลงของค่ากระแสไฟฟ้า และการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร