"สุรพงษ์" สั่งรฟท.สางหนี้ 2 แสนล้าน ตั้งเป้าปั๊มรายได้เพิ่ม

11 ต.ค. 2566 | 08:17 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ต.ค. 2566 | 09:08 น.

"สุรพงษ์" สั่ง รฟท.แก้หนี้ 2 แสนล้านบาท ขีดเส้นใต้ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ภายในปี 67 เร่งชงครม.ไฟเขียวนำร่องรถไฟทางคู่ เฟส2-ต่อขยายสายสีแดง 3 เส้นทาง ภายในปีนี้

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า เบื้องต้นได้รับทราบจากการรถไฟฯ ถึงผลประกอบการ พบว่าหลายปีที่ผ่านมา มีหนี้สะสมประมาณ 2 แสนล้านบาท จึงได้มอบหมายให้การรถไฟฯ หาวิธีดำเนินการเพิ่มรายได้ และลดรายจ่าย โดยตั้งเป้าภายในปีงบประมาณ 2567 การรถไฟฯ จะต้องมีการรายได้จากการดำเนินงานเป็นบวก หลังจากนั้นต้องเพิ่มขึ้นเป็นกำไร เพื่อหักกับมีหนี้สะสม ซึ่งจะต้องมีการอัพเดตผลดำเนินงานทุกๆ 3 เดือนต่อไป

\"สุรพงษ์\" สั่งรฟท.สางหนี้ 2 แสนล้าน ตั้งเป้าปั๊มรายได้เพิ่ม

 “การรถไฟฯ มีจุดแข็งเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง แต่จุดอ่อน คือเรื่องการพัฒนาที่มีความล่าช้า ซึ่งการรถไฟฯ จะต้องมุ่งเน้นเรื่องจุดขายในการดึงผู้โดยสารมาใช้บริการ เพื่อเพิ่มรายได้ให้มาอยู่ที่ 30% หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟอยู่ที่ 3% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะตั้งทีมการตลาด เพื่อดึงรัฐวิสาหกิจ และเอกชน เข้ามาร่วมดำเนินการต่อไป” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับโครงการสำคัญของการรถไฟฯ ที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเล็งเห็นว่าจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 สายหาดใหญ่-ปาดังเปซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 6,660 ล้านบาท มีความจำเป็นที่จะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ก่อนที่จะนำเสนอให้ ครม. เห็นชอบภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ สาเหตุที่จะนำโครงการดังกล่าวเสนอเข้าที่ประชุมฯ ก่อนนั้น เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางที่จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างชายแดน และเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนมากขึ้นอีกด้วย

\"สุรพงษ์\" สั่งรฟท.สางหนี้ 2 แสนล้าน ตั้งเป้าปั๊มรายได้เพิ่ม

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการเสนอโครงการรถไฟทางคู่ สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 29,748 ล้านบาท,โครงการรถไฟทางคู่สายชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระนะทาง 308 กม. วงเงิน 37,500 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ สายปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 62,800 ล้านบาท เข้าบอร์ด รฟท.

 

หลังจากนั้นจะต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กระทรวงการคลัง และกรมการขนส่งทางราง เป็นต้น และกลับมาที่เสนอกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้เช่นเดียวกัน โดยทั้ง3เส้นทางดังกล่าวคาดว่าจะเปิดประมูลได้ประมาณปี 2567

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในการประชุมฯ ยังได้รับรายงานจาก บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ถึงการนำที่ดินของการรถไฟฯ มาหารายได้ นั้น เบื้องต้นได้มอบหมายให้บริษัทฯ เร่งถ่ายโอนสัญญาทรัพย์สินให้มากขึ้น โดยปัจจุบันพบว่ามีการโอนแล้วเพียง 1% ส่วนเรื่องการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานนีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา เพื่อหารายได้เพิ่มเติมร่วมกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA)

\"สุรพงษ์\" สั่งรฟท.สางหนี้ 2 แสนล้าน ตั้งเป้าปั๊มรายได้เพิ่ม

“ผมได้มอบหมายให้ บริษัทฯ ไปพิจารณาถึงกฎระเบียบที่ติดขัดหากติดปัยหาในเรื่องกฎระเบียบของรถไฟ ก็ควรแก้ไขปัญหาที่บอร์ด รฟท. หากติดปัยหาที่ครม. ก้ต้องแก้ไขที่ ครม. หากต้องปัญหาเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ก็ควรแก้ไขที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้กฎหมายฯ มีความทันสมัยและมีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกฎหมายของระบบขนส่งทางรางยังไม่ค่อยมีความทันสมัย เพราะไม่ได้มีการปรับปรุงมานาน” นายสุรพงษ์ กล่าว

 

นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าของโครงการระบบรถไฟชานเมือง ส่วนต่อขยายสายสีแดง 3 เส้นทาง วงเงินรวม 21,754 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กม. วงเงิน 10,670 ล้านบาท 2.ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กม. วงเงิน 4,616 ล้านบาท และช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,468 ล้านบาท นั้น

 

 นอกจากนี้ในช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฯ ปัจจุบันการรถไฟฯ ได้เสนอต่อกระทรวงคมนาคมแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างรอกระทรวงฯ เสนอเข้าที่ประชุม ครม.ต่อไป ส่วน 2 เส้นทางที่เหลือ จะเสนอบอร์ด รฟท. ภายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นเตรียมเสนอเรื่องเข้า ครม.ได้ภายในปลายปี 2566 นี้