ที่ปรึกษานายกฯ พูดชัด เงินดิจิทัล 10000 บาท จ่อได้ใช้ก.ย.67-ผ่านเป๋าตัง

30 ต.ค. 2566 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ต.ค. 2566 | 07:30 น.

"พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี" คาด โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะมีผู้ได้รับสิทธิ์เหลือ 40 ล้านคน ส่อเริ่มได้ใช้กันยายนปี 2567 ระบุ 90% อาจต้องใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตัง

วันนี้ (30ต.ค.66) นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในการร่วมเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ "นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ" ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะกรรมการวิชาการของวุฒิสภา

ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท นี้มีหลายอย่างจะมีการปรับเปลี่ยน เช่น การให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน เพราะหลายฝ่ายเห็นว่าไม่ควรแจกคนรวย เพราะการให้เงินคนรวยไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากคนรวยจะเอาเงินในส่วนนี้ทดแทนค่าใช้จ่าย และเก็บเงินของตัวเองไว้แทน แต่ถ้าให้คนที่พอมี จะสามารถนำไปใช้หนี้ 

ที่ปรึกษานายกฯ พูดชัด เงินดิจิทัล 10000 บาท จ่อได้ใช้ก.ย.67-ผ่านเป๋าตัง

"ดังนั้นตัวเลขประชาชนที่ได้สิทธิจะเหลือ 40 กว่าล้านคน ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนอีก เชื่อว่า โครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณ แต่คงไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภา ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันในเดือนกุมภาพันธ์ แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนกันยายนแทน"นายพิชัย กล่าว 

ที่ปรึกษานายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันน่าจะมีเร่งดำเนินการงบประมาณปี 2568 ไปด้วย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กม. นั้นคงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง 

”วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งข้างบน ข้างล่าง ตรงกลาง กรอบหมดแล้ว ไม่สามารถจะกู้เพิ่ม รายได้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงจำเป็น กระตุ้นความเชื่อมั่น ความคึกคัก แต่โครงการนี้ก็จะต้องควบคู่ไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการทางเศรษฐกิจที่ต้องทำให้มองเห็น เป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องทำให้สอดคล้องกันให้ได้” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย ยังย้ำว่า จำเป็นต้องแจกเงินเป็นเงินดิจิทัลเพื่อบังคับให้มีการใช้จ่าย ส่วนคนที่จะมาขึ้นเงินก็ต้องลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย  ทั้งนี้การแจกเงินอาจจะได้ไม่พร้อมกัน และอาจจะได้ใช้เงินในช่วงที่มีวันหยุด เช่นปีใหม่ หรือสงกรานต์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว 

"และเชื่อว่า 90% น่าจะกลับไปใช้ แอปพลิเคชั่นเป๋าตังเนื่องจากมองว่า การพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก" นายพิชัย กล่าว