นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีคณะกรรมการป้องกันและปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนายดนัย ดำรงชัยโยธิน นักวิชาการสรรพากร พร้อมพวก 4 ราย ร่ำรวยผิดปกติเป็นเงินกว่า 2,000 ล้านบาท และส่งอัยการสูงสุดยื่นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้เงินตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมเสนอต้นสังกัดไล่ออกนั้น
นายลวรณ กล่าวว่า ใน 3 รายแรกเป็นข้าราชการของกรมฯ ทางกรมฯ ได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.65 และรายที่ 4 เป็นลูกจ้างชั่วคราวไม่ต่อสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65
ทั้งนี้ กรมฯ ได้เป็นผู้ตรวจพบความผิดและแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณาความผิดเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานรัฐ โดยความผิดที่ตรวจพบเกิดขึ้นช่วงโควิด โดยทั้ง 4 รายร่วมกันกระทำความผิดในคดีโกงเช็คที่ประชาชนนำมาชำระภาษีต่อกรมฯ เป็นเม็ดเงินเกือบ 200 ล้านบาท
ในแง่การดำเนินคดีนั้น นอกจากจะมีการเอาผิดทางวินัยผ่านการให้ออกจากราชการแล้ว ยังจะมีการดำเนินการเอาผิดทางละเมิดและอาญาร่วมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป.ป.ช. โดยนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะรองโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นให้ดำเนินการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายดนัย ดำรงชัยโยธิน นักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่สรรพากรอำเภอ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง จ.สมุทรปราการ กับพวกรวม 4 ราย ว่าร่ำรวยผิดปกติ
จากการไต่สวนพบว่า รายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากในธนาคารที่ได้มา ไม่สัมพันธ์กับรายได้ เกินกว่าฐานะ และรายได้ที่ได้รับจากราชการ และไม่สามารถชี้แจงที่มาของรายการเงินฝากได้ จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.ป. ป.ป.ช.) พ.ศ. 2561 มาตรา 4
โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมเป็นเงิน 2,085,348,581.53 บาท ดังนี้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้ นายดนัย ดำรงชัยโยธิน นางชลธาร คงมั่น นางสาวดวงกมล ปลื้มสวาสดิ์ และนางสาวอุทุมพร เข็มวิชัย ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ เป็นเงินจํานวน 2,085,348,581.53 บาท
ให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็น ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้กรมสรรพากรดำเนินการลงโทษไล่ออกในกรณีร่ำรวยผิดปกติ โดยให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 122