งานสัมมนากรุงเทพธุรกิจ Sustainability Forum 2024 ในหัวข้อ Sustainable Urbanization: Better Cities and Communities ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ 203 (GH203) ไบเทค บางนา
นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า สิ่งที่ กทพ.โฟกัสให้ความสำคัญคือ ในเรื่อง Sustainability การทำให้โลกน่าอยู่, การสู้วิกฤตเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ( Climate Change) อย่างยั่งยืน และสู่เป้าหมาย SDGs ซึ่งวันนี้เราเดินมาถึงเป้าหมาย "SDGs 17" เรื่องการผนึกพันธมิตรหุ้นส่วนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
"กทพ.ก่อตั้งมาร่วม 51 ปี ให้บริการทางพิเศษ 8 เส้นทางร่วม 224.6 กิโลเมตร มีส่วนช่วยในการลดก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่าปีละ 4 แสนตัน หรือช่วยได้มากกว่า 7 เท่า และสิ่งที่กทพ.จะดำเนินการก็คือการกระจายเส้นทางออกไปนอกเมือง เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนใช้เส้นทาง เลี่ยงการจราจรติดขัดในตัวเมือง" ผู้ว่ากทพ. กล่าว และว่า
แผนยุทธศาสตร์ กทพ. ใน 10 ปีข้างหน้า จะสร้างทางด่วนเพิ่มอีก 200 กิโลเมตร ให้เท่ากับที่เคยทำในช่วง 50 ปี เพื่อจะลดคาร์บอนลง เทียบเท่ากับที่เคยทำมาหรือมากกว่า 4 แสนตันต่อปี
โดยในปี 2567 กทพ.จะขยายเส้นทาง "ช่วงจตุโชติ-ถนนลำลูกกา" ระยะทาง 16.2 กิโลเมตร ข้ามถนนนิมิตรใหม่ ไปถนนหทัยราษฏร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้ถนนกันมาก นอกจากนี้ยังมีโครงการเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการ ได้แก่ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร กำหนดเปิดให้บริการภายในต้นปี 2568 , โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ระยะที่ 1 ตอน N2 ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนวงแหวน รอบนอกด้านตะวันออก ระยะทาง 11.3 กิโลเมตร
เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก กทพ.ตั้งเป้าจะลดลง 30% ภายในปี 2030 และเป็น "Carbon Neutrality" ในปี 2050 สิ่งที่เราดำเนินการและเปลี่ยนแปลงในองค์กรขณะนี้ ได้แก่การเปลี่ยนหลอดไฟทางพิเศษ เป็น LED ,เปลี่ยนแปลงรถยนต์สำนักงานเป็น EV ,การติดตัดโซลาร์เซล อาคารเก็บค่าผ่านทาง/พื้นที่อื่น ฯลฯ