นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มีการเลื่อนประชุมคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทออกไปก่อน เนื่องจากคณะกรรมการรับทราบว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต มายังรัฐบาล
ดังนั้น คณะกรรมการจึงลงความเห็นว่าให้เลื่อนออกไปก่อน เพื่อรอเอกสารความเห็นให้ครบทุกทางก่อน โดยที่ยังไม่มีการกำหนดนัดประชุมใหม่
ขณะที่กระแสข่าวเรื่องว่า รัฐบาลจะปรับลดวงเงินโครงการดิจิทัล วอลเล็ตลง จาก 5 แสนล้านบาทนั้น ยืนยันว่า ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว และยังคงที่กรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทเช่นเดิม
ส่วนกระแสเรื่องที่ว่ารัฐบาลจะเลื่อนโครงการออกไปเพื่อรอใช้ งบประมาณปี 2568 นั้น ก็ไม่มีการกล่าวถึงเช่นกัน และรัฐบาลยังยืนยันเดินหน้าเรื่องการ ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อเดินหน้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ซึ่งจะพยายามให้เป็นไปตามกรอบเดิมที่กำหนดให้เริ่มใช้จ่ายได้ในเดือนพ.ค.67
“ยอมรับว่าการออกพ.ร.บ.กู้เงินนั้น มีความเสี่ยง และรัฐบาลเองก็มีทางเลือกอื่น ไม่ว่าจะเป็นการออกพระราชกำหนด หรือการรองบประมาณก็อยู่ในอำนาจที่ทำได้ แต่ขณะนี้คณะกรรมการยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ดังนั้นจึงยังคงเดินหน้า พ.ร.บ.กู้เงินต่อไป ยอมรับว่าตอนนี้การทำโครงการดิจิทัลเริ่มตึง เริ่มเข้าใกล้เดือนพ.ค.เข้าไปทุกที แต่ยืนยันจะทำให้ทันตามไทม์ไลน์เดิม”
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ยกร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าบาทเบื้องต้นแล้ว ส่วนเรื่องขั้นตอนที่ต้องเข้าสภานั้น ได้แก่ การพิจารณาหลักการ ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา และรับร่าง พ.ร.บ. รวมไปถึง การส่งไปถึงขั้นวุฒิสภา ไม่ได้เป็นขั้นตอนที่น่ากังวล ถ้าร่างเสร็จทันก็สามารถเข้าสู่ที่ประชุมสภาที่กำลังเปิดสมัยประชุมอยู่ได้ทันที หรือหากไม่ทันก็สามารถขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญได้
ส่วนเรื่องวิกฤต หรือไม่วิกฤตนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่มีหลากหลายมุมมอง ทุกฝ่ายสามารถมองแตกต่างกันได้ ทั้งนี้ รัฐบาลเองก็ต้องทำหน้าที่ชี้แจ้งให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้อง ออกพ.ร.บ.กู้เงินเพื่อโครงการดิจิทัล โดยมีสามเรื่องสำคัญ ได้แก่ เรื่องเงินเฟ้อ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย และโครงสร้างของเศรษฐกิจ