งงทั้งสุวรรณภูมิ “นายกฯเศรษฐา” ดอดตรวจ จี้แก้ปัญหาตรวจคนเข้าเมืองนาน

05 ก.พ. 2567 | 06:18 น.
อัพเดตล่าสุด :05 ก.พ. 2567 | 06:28 น.

นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ซุ่มลงพื้นที่ตรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ไม่มีการแจ้งกำหนดการณ์ล่วงหน้า ติดตามการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง

วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยที่ไม่มีการแจ้งกำหนดการณ์ล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และติดตามการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) เพื่อแก้ปัญหาการร้องเรียนว่าใช้เวลานานในช่วงที่ผ่านมา

นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าช่วงต้นเดือนมีนาคม นี้ รัฐบาลจะมีการประกาศยกระดับสนามบินทั่วประเทศ และเป็นแผนงานใหญ่ ซึ่งระบบตรวจคนเข้าเมืองและวิธีการต่าง ๆ ในสนามบินก็เป็นเรื่องสำคัญ

"ไม่อยากรับฟังแค่รายงาน แต่อยากไปดูให้เห็นด้วยตา ขอไม่ใช้คำว่าปัญหา แต่ใช้ว่าเป็นโอกาส ซึ่งมีโอกาสทำให้ดีขึ้นอีกเยอะมากในหลายมิติ อาทิ งานระบบ ซึ่งมีไอทีหลายเจ้าเข้ามาทำแต่ไม่เชื่อมต่อกัน เรื่องความเสถียรของระบบแบ็คอัพ เรื่องของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่ไม่เพียงพอ"นายกฯ กล่าวขณะตรวจ 

งงทั้งสุวรรณภูมิ “นายกฯเศรษฐา” ดอดตรวจ จี้แก้ปัญหาตรวจคนเข้าเมืองนาน

ทั้งนี้ได้ลงพื้นที่ไปตรวจในจุดที่ ตม. มีการพักผ่อนกัน เปลี่ยนกะเปลี่ยนเวร โดยความเป็นอยู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็สั่งให้ปรับปรุงไป รวมไปถึงปัญหาผู้โดยสารขาเข้า-ขาออกด้วย วันนี้จึงเป็นโอกาสในการไปรับฟังข้อมูล เพื่อมาปรับปรุงและเขียนไปในแม่แบบอันใหญ่ ที่จะมาแถลงต่อไป

ส่วนปัญหาระบบการตรวจคนเข้าเมืองล่มนั้น นายกฯ ยอมรับว่า เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องมีการบูรณาการ ซึ่งระบบที่ล่มนั้น เป็นเรื่องของเทคนิคอล ระบบแบ็คอัพก็ไม่ดี พอมีคนเข้ามาเยอะระบบก็หน่วง ซึ่งปกติแล้ว KPI ต่อคนที่เข้ามาคือ 45 วินาที แต่พอคนเข้ามาจำนวนมาก ทุก Station มีการใช้งานหมด กลายเป็นใช้เวลานาทีกว่า ทำให้ช้าเข้าไปอีก ถือเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งวันนี้ตนจะมีการประชุมในช่วงบ่าย จะมีการเขียนเป็นแม่แบบออกมาว่าจะแก้ไขอย่างไร คาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 12 เดือน ในการแก้ปัญหาทั้งหมด

งงทั้งสุวรรณภูมิ “นายกฯเศรษฐา” ดอดตรวจ จี้แก้ปัญหาตรวจคนเข้าเมืองนาน

"ตอนนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเทียบเท่าก่อนช่วงเกิดโควิด ก็ต้องมีการบริหารจัดการ โดยให้ KPI ไปว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้ว ไม่ควรจะคอยเรื่องการประทับตราในหนังสือเดินทาง เกิน 30 นาที นับตั้งแต่มาเข้าคิว ส่วนปัญหาการรับกระเป๋าที่ล่าช้า ก็ได้ไปสอบถามมาแล้ว ขณะนี้ดีขึ้นแล้ว แต่จะพยายามทำให้ดีขึ้นอีก ซึ่งก็ต้องไปดูงานระบบสายพานที่ส่งมา"

ขณะที่ประเด็นตำรวจ ตม.ไม่เพียงพอนั้น จะมีการเรียกประชุม โดยในช่วงบ่ายวันนี้ จะเรียกผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาหารือ ซึ่งต้องขอไปทาง สำนักงานข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. เพราะเป็นเรื่องของปัญหาระยะยาวที่อยากแก้ไขภายในหนเดียว 

นายกฯ ยังระบุถึงปัญหาผู้โดยสารขาออกที่มีความล่าช้ารอนานนั้น จากการได้ไปตรวจสอบก็พบว่ามีคนรอแถวยาวมาก ตั้งแต่ตรวจลงตราพาสปอร์ต เอกซเรย์กระเป๋า พื้นที่เช็คอินก็ไม่เพียงพอ ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่า ขาออก ไม่อยากให้มีการตรวจเช็คเยอะ แต่ก็มีปัญหา 2 อย่าง คือเรื่องของ Over Stay หรืออยู่เกินกำหนด กับ คนที่มีความผิดที่จะออกนอกประเทศ ตรงนี้ระบบไอทีต้องลิงค์เข้าให้ได้ทั้งหมด ต้องตรวจให้ได้ต้องแจ้งเตือนให้ได้ ก็ถือเป็นแผนระยะกลาง 

 

"ได้ให้นโยบายไปแล้วเช่นกัน ซึ่งถ้าไม่ต้องตรวจเป็นเคาน์เตอร์ที่มีการประทับตราแล้วออกไป ก็ทำให้ระยะเวลาที่เดินทางออกนอกประเทศสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง เพราะตั้งแต่ที่คนเข้ามาประเทศไทย ก็อยากให้มีความสะดวกสบาย ตั้งแต่ลงเครื่องบินมาถึงงวงช้าง ไม่ต้องนั่งรถบัสเข้ามาที่สนามบิน มาถึงก็ไม่ต้องคอยนานเกิน 30 นาที รับกระเป๋าแล้วก็ออกไปได้ทันที"

ส่วนระบบรถแท็กซี่ที่เข้ามาก็ต้องเหมาะสมถูกต้อง ขณะที่ขากลับก็ไม่อยากให้ใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมง เพราะล่าสุดที่ได้สอบถามไปใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจนักท่องเที่ยวเหมือนกัน แทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยว จับจ่ายใช้สอยเพิ่ม ก็ต้องเสียเวลามาสนามบิน นี่จึงเป็นโอกาสที่ทำให้การท่องเที่ยวประเทศไทยดีขึ้น ให้มองเป็นโอกาส