นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน PTG Business Outlook 2024 : Drive for Tomorrow, The Dynamism of Speed ว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 10- 12%
โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยเฉพาะการขยายตัวจากการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายการขยายสถานีบริการในปี 2567 ไว้ที่จำนวน 2,251 สถานีบริการ
ด้านธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน หรือ Non-Oil ยังคงตั้งงเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 40-50% โดยมีเป้าหมายการเติบโต ของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ในปีนี้ ไว้ที่ 30-40% ซึ่งการเติบโตมาจากกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
1. กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ด้วย โครงการ "Taxi Transform" และ "Auto Transform" รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำงานด้านการตลาดผ่านระบบ สมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษาและขยายฐานลูกค้า
2. กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสาหกรรมด้วยการมุ่งรักษาฐานลูกค้าหลักเดิม และหาฐานลูกค้าใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และการรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกค้า
3. เน้นการขยายจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566
ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย บริษัทฯ ยังเตรียมขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ทั้งย่านใจกลางเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง หัวเมืองตามจังหวัด ต่างๆ ศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย ซึ่งในปัจจุบันกาแฟพันธุ์ไทย มีสาขาจำนวนกว่า 900 สาขา
โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีก 400 สาขาทั่วประเทศไทย เข้าสู่ระดับอำเภอที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทยรวมจำนวนกว่า 1,300 สาขา ภายในปี 2567 นี้
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ Max World บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขา และ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 นี้ มีเป้าหมายจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็น 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยมีการขยายจำนวนหลัก ๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อรองรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริการ และซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจในเครือ PTG ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง เห็นได้จากปี 2566 ภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการเติบโตเล็กน้อย เพียง 2.2% แต่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG ผ่านสถานีบริการกลับเติบโตถึง 13.3% สูงกว่าการเติบโตของประเทศถึง 6 เท่า
ทั้งนี้ถือว่าเติบโตในทุกช่องทางที่ 12.1% เป็น 5,960 ล้านลิตร นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ รวมถึงเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมัน ผ่านช่องทางสถานีบริการได้มากกว่า 20%
ส่วนธุรกิจ Non-Oil มีรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโต 44.4% อยู่ที่ 13,688 ล้านบาท เป็นการเติบโตจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่สร้างสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องที่จำนวน 634 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 27.7% และ มีการขยายจุดบริการก๊าซ LPG ในครัวเรือนจำนวน 332 จุด ขณะที่ปริมาณการขายเติบโตถึง 48.0%
ขณะที่ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 882 สาขา เพิ่มขึ้น 371 สาขาจากสิ้นปีที่ผ่านมา ประกอบกับการเติบโตของสาขาเดิม (Same-Store-Sales) จากการกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus
โดยในปี 2566 บริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 2,087 สาขา เพิ่มขึ้น 561 สาขา หรือเติบโต 36.8% และมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil เป็นไปตามเป้าหมายที่ 21.2%
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ภายใต้ชื่อ ELEX by EGEAT PT ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าไปแล้ว 49 สถานี และมีแผนจะติดตั้งเป็น 262 สถานี ในปี 2567 และเป็น 712 สถานีในปี 2570
ทั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมตามพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ เพราะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจากความเสถียรของเครื่องชาร์จ EV และการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเข้ามาใช้บริการต่าง ๆ เช่นร้านกาแฟพันธุ์ไทย หรือร้านสะดวกซื้อ Max Mart ภายในปั๊ม PT ระหว่างรอชาร์จ และยังเปิดตัวบัตร PT Max Card Plus EV ด้วย
ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลงทุนผ่านบริษัท พีทีจี กรีน เอ็นเนอยี จํากัด (PTGGE) โดยซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private PPA ปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้วบนพื้นที่ 37 สถานี ช่วยประหยัดพลังงานมากกว่า 1 ล้านหน่วยต่อปี ซึ่งลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มสถานีดังกล่าวลงได้สูงถึง 15% ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
โดยในปี 2567 PTGGE ได้ตั้งงบลงทุนในอีก 5 ปีที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ต Solar Rooftop รูปแบบ Private PPA อีก 28.67 MW บนพื้นที่มากกว่า 1,200 สถานี โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 33 ล้านหน่วยต่อปี คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 13,420 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูก ป่า 2.9 ล้านต้น
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ในแผน 5 ปี โดยภายในปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการมากกว่า 25% พร้อมตั้งเป้าฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30 ล้านสมาชิก
ส่วนร้านกาแฟพันธุ์ไทยมุ่งขยายสาขาร้านในรูปแบบของแฟรนไชส์มากขึ้น ทั้งภายในและนอกสถานีบริการน้ำมันเป็นจำนวนรวม 5,000 สาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว พร้อมตั้งเป้าหมายลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
"ในปี 2570 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า อยากให้ธุรกิจ Non-Oil มีกำไรมากกว่าธุรกิจน้ำมัน ซึ่งทิศทางตอนนี้ได้เริ่มทำแล้ว และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นายพิทักษ์ กล่าว