แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 2 เมษายน 2567 นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ จะเสนอการปรับปรุงกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ใหม่ ภายใต้แผนการคลังระยะปานกลาง (2568-2571) โดยจะกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มอีก 152,700 ล้านบาท ส่งผลให้กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นจาก 3.6 ล้านล้านบาท เป็น 3.752 ล้านล้านบาท
สำหรับรายละเอียดของบประมาณ ปี 2568 ที่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบการปรับกรอบวงเงินงบประมาณปี 2568 ใหม่ โดยกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเดิม 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มเป็น 3.752 ล้านล้านบาท โดยยังคงประมาณการรายได้สุทธิ ไว้คงเดิม 2.887 ล้านล้านบาท
ส่วนการขาดดุลงบประมาณเดิมกำหนดวงเงินไว้ 713,000 ล้านบาท ซึ่งจากการหารือในคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่ประชุมได้ปรับวงเงินใหม่ โดยจะมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มอีก 152,700 ล้านบาท เป็น 865,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนดุลการคลังต่อ GDP อยู่ที่ 4.42%
แหล่งข่าวระบุว่า การปรับปรุงกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ใหม่ครั้งนี้ ด้วยการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลเพิ่มอีก 152,700 ล้านบาท เป็นการจัดเตรียมวงเงินเพื่อนำมาใช้รองรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ได้หาเสียงไว้ต่อประชาชนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ภายในหลังจากครม.เห็นชอบการปรับปรุงกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ภายในสัปดาห์นี้ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ คือ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะนัดประชุม เพื่อพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ใหม่อีกครั้ง ก่อนเสนอที่ประชุมครม.ในวันที่ 9 เมษายน 2567
จากนั้นจึงนำเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ซึ่งจะประชุมในวันที่ 10 เมษายน 2567 นี้ ซึ่งเดิมในการประชุมบอร์ดนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ครั้งก่อน ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง หารือกับสำนักงบประมาณ เพื่อหาข้อสรุปถึงแหล่งเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากการออก พร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาเสนอต่อที่ประชุมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเตรียมเงินงบประมาณไว้ส่วนหนึ่งผ่านการจัดทำงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติมอีก 1.5 แสนล้านบาท จะยังมีวงเงินในส่วนเงินที่เหลืออีก 3.5 แสนล้านบาท เพื่อจะนำมาใช้ในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ภายใต้กรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาทนั้น ขณะนี้กรอบวงเงินที่เหลือยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เบื้องต้นอาจมีการออกกฎหมายโอนงบประมาณจากปี 2567 มาใช้บางส่วน ซึ่งกรณีนี้จะต้องรอข้อสรุปจากกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณอีกครั้ง