เลขาฯกฤษฎีกา ตีความ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ทำโครงการผ่านธ.ก.ส.ได้

วันนี้ (18 เมษายน 2568) นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงการตีความของแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ ปี 61 มาตรา 28 ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต หรือ “บอร์ดเงินดิจิทัลวอลเล็ต” เมื่อวันที่ 10 เมษายน 67 เป็นการพูดถึงแต่เพียงหลักการว่า แหล่งเงินมาจากไหน

นายปกรณ์กล่าวว่า ซึ่งที่ประชุมสรุปมาจาก 3 แหล่ง หนึ่ง งบประมาณปี 67 สอง งบประมาณปี 68 และ สาม เป็นการดำเนินการตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 28 ซึ่งอาจจะใช้เงินตามงบประมาณรายจ่ายปี 68 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรและบอกว่าจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของหน่วยรับงบประมาณ 

“ไม่มีการพูดถึงเรื่องการกู้เงินจาก ธ.ก.ส.ในวันนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กู้เงินเอามาจากไหนกัน วันนั้นมีแค่นั้นจริง ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทำตามมาตรา 28 จะต้องมีกำหนดรายละเอียดเพื่อนำเข้าครม.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มี ก็เลยไม่รู้ว่า ข่าวไปกู้เงิน ธ.ก.ส.เอามาจากไหน”นายปกรณ์กล่าว

เมื่อถามว่า เหมือนกับให้ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนดำเนินในกิจการของรัฐใช่หรือไม่ นายปกรณ์กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดดิจิทัลวันนั้น ไม่มีการพูดในรายละเอียด เป็นการพูดหลังจากมีการแถลงข่าว และมีการพูดกันในสื่อมวลชน ซึ่งในที่ประชุมไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ตนยืนยันได้

เมื่อถามว่า แล้วแหล่งเงินตามมาตรา 28 จำนวน 1,723 แสนล้านบาทใช้วิธีอะไร นายปกรณ์กล่าวว่า ข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตบอกว่า จะดำเนินโครงการตามมาตรา 28 แค่นั้นเอง สิ่งที่ประชุมไปในวันนั้นมีเท่านี้เอง แต่ที่พูดกันอยู่ในเวลานี้ คนละเรื่อง เลยไปกันใหญ่

“โดยหลักการ ถามว่าสามารถทำได้หรือไม่ ทำได้ แต่ต้องทำรายละเอียดโครงการมาเสนออีกทีหนึ่ง เหมือนเรื่องโคแสนล้านที่ครม.อนุมัติในวันนี้ เป็นการดำเนินโครงการตามมาตรา 28 ซึ่งจะบอกถึงแหล่งเงินมาจากไหน เงื่อนไขโครงการเป็นอย่างไร”นายปกรณ์กล่าว

เมื่อถามว่า การใช้เงินตามมาตรา 28 กับการใช้เงินของธ.ก.ส.เป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า คนละเรื่องเลย ใช้เงินตามมาตรา 28 เขาจะเฉพาะเจาะจงงบประมาณไว้ให้แล้วก็เอาไปใช้ ต้องผ่านบอร์ดธ.ก.ส.ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานแล้วเสนอเข้าครม. ซึ่งกระทรวงการคลังต้องหารือกับธ.ก.ส.ก่อนถ้าจะทำโครงการเข้าครม.

“ไม่ได้หนักใจอะไร งานทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ อย่าคิดมาก”นายปกรณ์กล่าวทิ้งท้าย