นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากตรวจเยี่ยมด่านตรวจจำเพาะสินค้าผลไม้ด่านรถไฟโม่ฮาน และรับฟังข้อมูลสถานการณ์การขนส่งสินค้าผ่านด่านรถไฟโม่ฮาน จากหน่วยงานภาครัฐจีน และได้นำคณะลงพื้นที่ด่านบ่อเต็น สปป.ลาว และด่านโม่ฮาน มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย เพื่อเจรจาขอเพิ่มเวลาทำการลดการแออัดบริเวณด่านเพื่ออำนวยความสะดวกให้การขนส่งผลไม้ไทย
โดยช่วงเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป ผลผลิตผลไม้ไทยจะเริ่มออกสู่ตลาดมาก ที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเรื่องความแออัดบริเวณด่านบางครั้งต้องใช้เวลาถึง 5 วัน สำหรับรอตู้ผ่านเข้าจีนแล้วกลับออกมาบ่อเต็น และปัญหาเรื่องแคร่ที่จะมารับตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ซึ่งก่อนที่ผลผลิตผลไม้จะออกมาก ได้มีการเจรจากับทางการจีน และได้หารือผู้ว่าการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เสนอขอให้เพิ่มเวลาทำการเปิด-ปิดด่าน จากปกติ 8.00-18.00 น. ขอให้เพิ่มเวลาทำการอีก 3 ชั่วโมง เป็น 8.00-21.00 น. เพื่อลดความแออัดของรถบรรทุกบริเวณหน้าด่าน ซึ่งประสบความสำเร็จ ทางจีนตอบรับให้การสนับสนุน และเรื่องช่องทางการเข้า-ออกของรถบรรทุกที่คับแคบ ทางด่านโม่ฮานแจ้งว่ากำลังปรับปรุงขยายถนนออกไปอีก จากเดิม 2 ช่อง (จุดตรวจรถเข้า-ออก) เป็น 12 ช่อง และขอให้ช่วยประสานบ่อเต็นและทางการลาว คาดว่าภายใน 2 ปี จะทำช่องทางเสร็จ
นอกจากนั้นได้หารือกับ นายอ่อนจัน คำพาวง รองเจ้าแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งท่านเห็นด้วยในการเพิ่มเวลาทำการ ซึ่งการค้าผ่านแดนจุดนี้เป็นจุดใหญ่ที่สุด มีความสำคัญมาก เพราะเป็นช่องทางเข้าสู่ตลาดจีนตอนใต้และกระจายไปทั่วประเทศ และได้ขอให้ทางฝั่งลาวช่วยรายงานสภาพการจราจรบริเวณด่านและส่งให้ไทยทุกเดือน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการบริหารจัดการ ซึ่งทางการลาวรับไปพิจารณา และได้มอบหมายกรมการค้าต่างประเทศติดตามผลการขยายเวลาทำการของด่าน ว่าจะทำให้การส่งออกผลไม้ในเส้นทางนี้คล่องตัวขึ้นแค่ไหนเพียงใด
“ตนได้มาที่ด่านตรวจจำเพาะสินค้าผลไม้ด่านรถไฟโม่ฮาน ดูกระบวนการตรวจผลไม้ อาทิ ทุเรียน มังคุด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ทางการจีน ศุลกากรจีน เราประสานงานการทำงานร่วมกัน คิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ดี จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวจีนได้ทานผลไม้ที่สด ลดต้นทุนการขนส่ง เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคชาวจีน และในวันพรุ่งนี้ตนจะพบไปกับธุรกิจสิบสองปันนาที่สนใจไปลงทุนที่ไทย ซึ่งการเดินทางมาสิบสองปันนา ที่ด่านโม่ฮานและด่านบ่อเต็น ครั้งนี้เป็นประโยชน์มาก” นายภูมิธรรม กล่าว
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศระบุว่า ในปี 2566 ไทยส่งสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง มูลค่ารวม 6,941.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 22.77% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็น
โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 มีมูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 89.68% ของการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งของไทย