นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง 40 สว. เพื่อให้วินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสินจากกรณีที่แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบานเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า
การที่ศาลฯรับคำร้องดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ได้สั่งให้หยุดพักการปฏิบัติราชการ แต่ก็ต้องถือว่ามีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อไปถึงความเชื่อมั่น เพราะก่อนหน้าที่จะถึงวันที่ศาลฯรับคำร้อง 40 สว. วันนี้ แค่มีกระแสข่าวออกมาก็ทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
หรือแม้กระทั่งทูตของบางประเทศก็มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ซึ่ง ณ เวลานั้นก็ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถตอบได้อย่างชัดเจน
"วันนี้ความชัดเจนเกิดขึ้นเมื่อศาลฯรับคำร้อง ยิ่งทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล ต่างโทรเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก โดยแสดงให้เห็นถึงความกังวล ซึ่งย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากไม่รู้ว่าสถานการร์ในระยะข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ต้องลุ้นจนกว่าศาลฯจะวินิจฉัยแล้วเสร็จ ซึ่งช่วงเวลานี้ระหว่างไต่สวนก็จะมีความเสี่ยงหมด"
ทั้งนี้ อะไรก็ตามที่กำลังขับเคลื่อน หรือการเดินหน้าดึงนักลงทุน การที่นายกฯเดินทางไปเชิญชวนนักลงทุนมากมาย ทุกคนก็จะติดตามข่าวดังกล่าวนี้ เพราะเป็นข่าวดัง ทุกคนจะต้องมีความกังวล แต่จะมากหรือน้อยก็แตกต่างกันออกไป แต่ที่แน่นอนจะส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นมีปัญหาด้วย
"อะไรก็ตามที่นายกฯเคยดำเนินการไว้ ทั้งคำเชิญชวนต่างขาติให้เข้ามาลงทุนจะเกิดการสะดุดได้ หรืออาจทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนก่อน"
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปอีกว่า ในระยะสั้นน่าจะสะท้อนออกมาได้ในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็หวังว่าจะเป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น เพราะจะยังคงทำให้ทุกอย่างยังคงขับเคลื่อน หรือเดินหน้าต่อไปได้
โดยได้แต่หวังว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ทำให้นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงคนไทยชะงักงันตามไปด้วย เพราะปัจจัยสำคัญในเวลานี้ของไทยที่จะดึงดูดการลงทุนได้คือความมีเสถียรภาพทางด้านการเมืองด้วย
"สถานการณ์หลังจากนี้ไปได้แต่หวังว่าจะเป็นแค่ช่วงสั้นเท่านั้น โดยขอให้กลับคืนมาได้มากที่สุด และดีที่สุด"