"พิพัฒน์" รุกเปิดตลาดแรงงานไทย หารือทวิภาคี อิตาลี เตรียมเสนอครม. เอ็มโอยู

15 มิ.ย. 2567 | 04:35 น.

“พิพัฒน์” รมว. แรงงาน เดินหน้ารุกเปิดตลาดให้แรงงานไทยทำงานในอิตาลีหารือทวิภาคีไฟเขียว เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเอ็มโอยู

15 มิถุนายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หารือทวิภาคีกระชับความร่วมมือด้านแรงงาน กับ คุณมาริน่า เอลวิร่า คัลเดโรเน่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนโยบายด้านแรงงานและสังคมอิตาลี ณ อาคารองค์การสหประชาชาตินครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงานพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานเข้าร่วม

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ผมขอขอบคุณสาธารณรัฐอิตาลีที่ให้ความสนใจในการกระชับความสัมพันธ์ด้านแรงงานกับประเทศไทยจากการที่ผมได้พบกับท่านทูตอิตาลีประจำประเทศไทย ท่านทูตได้หยิบยกประเด็นการจัดทำเอ็มโอยูเพื่อขยายโอกาสให้แรงงานไทยได้ไปทำงานในอิตาลีในภาคการเกษตร และภาคอื่น ๆ ซึ่งมีค่าจ้างสูง และสวัสดิการดี

\"พิพัฒน์\" รุกเปิดตลาดแรงงานไทย หารือทวิภาคี อิตาลี เตรียมเสนอครม. เอ็มโอยู โดยทักษะแรงงานไทยตรงกับความต้องการของนายจ้างอิตาลี และมีความสนใจเดินทางไปทำงานที่อิตาลีอยู่แล้ว การหารือในวันนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยผลักดันการขยายตลาด และเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยในการทำงานต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวถึงความพร้อมของไทยในการขยายตลาดแรงงานว่า หากรัฐบาลอิตาลีมีความต้องการแรงงานภาคการเกษตร กระทรวงแรงงานไทยก็พร้อมและยินดีให้การสนับสนุนในการส่งแรงงานกลุ่มดังกล่าวไปทำงานที่อิตาลี จึงขอให้ทางรัฐบาลอิตาลีช่วยสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จ

\"พิพัฒน์\" รุกเปิดตลาดแรงงานไทย หารือทวิภาคี อิตาลี เตรียมเสนอครม. เอ็มโอยู

นอกจากนี้แรงงานภาคบริการ อย่าง สปาและนวดแผนไทยเป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือได้รับการยอมรับจากหลายประเทศและเป็นกลุ่มแรงงานที่สนใจเดินทางไปทำงานในอิตาลีอย่างถูกกฎหมาย

ด้านคุณมาริน่า เอลวิร่า คัลเดโรเน่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนโยบายด้านแรงงานและสังคมอิตาลี กล่าวว่า จากการเจรจาร่วมกันในครั้งนี้ เป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของแรงงานและการเติบโตของภาคธุรกิจและเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ ตนจะนำเสนอประเทศไทยเข้าไปสู่รัฐบาลเพื่อเพิ่มรายชื่อของประเทศไทยให้เป็นการทำ MOU ร่วมกันระหว่างประเทศต่อไป