เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ข้าราชการ และ ทหารกองประจำการ ได้จำนวนเท่าไหร่ หลังจากเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ครม. หรือ คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและลูกจ้างประจำส่วนราชการ พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ โดยร่างระเบียบกระทรวงการคลังฯ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ที่ ครม. เคยได้อนุมัติแล้วเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ผู้มีสิทธิได้รับ
ข้าราชการและลูกจ้างประจำ ที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ขั้นต่ำ
ลูกจ้างชั่วคราวที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
ทหารกองประจำการซึ่งได้รับเงินเดือนในระดับ พ.1
มีผลย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
รวมทั้งได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าครองชีพชั่วคราว โดยกำหนดให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จบำนาญ เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่ม และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน หรือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่ กค. กำหนด แล้วแต่กรณีโดยอนุโลม ทั้งนี้ ให้เก็บหลักฐานการจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวไว้ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเดือนข้าราชการ หรือค่าจ้างลูกจ้างของส่วนราชการที่ กค. กำหนดในปัจจุบัน
ทั้งนี้ กค. ได้รายงานประมาณการการสูญเสียรายได้ตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐฯ แล้ว คาดว่าในการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว และทหารกองประจำการ จะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อปี โดยเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย (งบบุคลากร) ซึ่งจะช่วยให้บุคคลดังกล่าวสามารถดำรงชีพอยู่ได้ในสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน และเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุและการปรับเงินเดือนชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจึงได้เสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการ และลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินการ.
ที่มา: มติ ครม.