นายกฯ บี้ EEC ปิดจ็อบเจรจาสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เสร็จปีนี้

23 มิ.ย. 2567 | 05:59 น.

นายกฯ บี้ เลขาฯ EEC เร่งเจรจาสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ให้แล้วเสร็จในปี 2567 นี้ พร้อมโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา หวังดึงภาคอุตสาหกรรมร่วมลงทุนพื้นที่

วันนี้ (23 มิถุนายน 2567) ที่สนามบินอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หารือกับหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  พร้อมติดตามพื้นที่ก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบนโยบายว่า โครงการ EEC เป็น Megaproject ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ยอมรับว่ามีความล่าช้าบ้าง จะต้องลงมืออย่างเร่งด่วนเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรม ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งโครงการนี้ควรเร่งสร้างตั้งแต่ปี 2564 แต่ติดปัญหาโควิด ทำให้ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ และพฤติกรรมหลังโควิดผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้กระทบ ต่อตัวเลขวงเงินที่มีการทำสัญญาไว้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อรองให้เกิดความชอบธรรม 

นายกฯ บี้ EEC ปิดจ็อบเจรจาสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เสร็จปีนี้

พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าสัญญาของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินว่า ระยะเวลา ของสัญญาที่ต่อรองไว้ดำเนินการพูดคุยให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีได้หรือไม่ และกำชับขออย่าให้ปัญหาลุกลาม เพราะหากสร้างสนามบินเสร็จแล้วรถไฟยังไม่มาก็จะเกิดปัญหาตามมาได้ ดังนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าหลาย ๆ ฝ่ายจะมีการพูดคุยกันได้ดี 

ด้านนาย จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออกว่า ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโดยเฉพาะงานด้านระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น ก่อสร้างแล้ว 26.42% ระบบบริการเติมเชื้อเพลิงอากาศยาน ก่อสร้างแล้ว 48.41% งานด้านประปาและบำบัดน้ำเสีย ก่อสร้างแล้ว 98.44% เป็นต้น ส่วนความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกที่ร่วมทุนกับภาคเอกชนขณะนี้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2567 เพื่อเริ่มก่อสร้างงานสำคัญ ๆ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อาคารเทียบเครื่องบินรอง และศูนย์ธุรกิจการค้า ซึ่งคาดว่าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ จะสามารถเปิดให้บริการในปี 2572

นายกฯ บี้ EEC ปิดจ็อบเจรจาสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เสร็จปีนี้

“ประมาณสิ้นเดือนกรกฎาคมจะมีข่าวดีเรื่องของ 3 สนามบิน ขอให้มาพูดคุยและทำให้ทุกๆ โครงการเดินหน้าได้ ยืนยันว่าสนามบินอู่ตะเภาเป็น Megaproject ที่มีมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเมื่อวานนี้ตนเองได้ลงพื้นที่ไปพัทยาและได้ดูเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเรี่องการจัดมหกรรมคอนเสิร์ตต่าง ๆ รวมถึงเรื่องของเฟสติวัลต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีก Eastern Seaboard ถ้าเกิดไม่มีสนามบินก็จะทำให้ลำบากมากขึ้น" นายกฯ ระบุ

ส่วนบ่ายวันนี้ นายกฯ กล่าว่า จะลงพื้นที่ติดตามเรื่องของไซต์งานต่าง ๆ ทั้งเรื่อง Formula One ซึ่งถือว่าเป็นเมกกะโปรเจ็ค ระดับโลก เพราะจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 100,000 คน เพราะฉะนั้น หากประเทศไทยมี Infrastructure มารองรับส่วนนี้ได้ จะทำให้ความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยว และจะส่งผลต่อการต่อยอดให้กับเศรษฐกิจที่จะพัฒนา เนื่องจากมีหลายมิติ ไม่ได้มีเพียงมิติขนส่งคน หรือขนสินค้า แต่มีความต่อเนื่องอีกมาก

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในพื้นที่ EEC ขณะนี้มีภาคเอกชนได้เข้ามาหารือกับ EEC และสนใจใช้สิทธิประโยชน์ตามประกาศสิทธิประโยชน์ฉบับใหม่อยู่กว่า 30 ราย วงเงินลงทุนรวมกว่า 2.1 แสนล้านบาท ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ได้ส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ทั้ง อุตสาหกรรมการแพทย์ และสุขภาพ อุตสาหกรรมบริการ อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือEV และอุตสาหกรรม BCG โดย EEC ได้ตั้งเป้าหมายดึงเม็ดเงินลงทุนจริง ให้ได้ปีละ 1 แสนล้านบาท ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2567 – 2571

นายกฯ บี้ EEC ปิดจ็อบเจรจาสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เสร็จปีนี้