วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมานตรี เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดอัตราค่าไฟฟ้างวดใหม่ ระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2567 รวมทั้งสิ้น 4 เดือน ในอัตรา 4.18 บาทต่อหน่วยสำหรับบุคคลทั่วไปและภาคอุตสาหกรรม และ 3.99 บาทต่อหน่วย และสำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน
นายชัยกล่าวว่า จากมติครม.ดังกล่าว มีข้อแลกเปลี่ยนในที่ประชุมครม. ที่ยังไม่ใช่มติครม. แต่รัฐมนตรีส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า ตราบใดที่แหล่งพลังงานในประเทศไม่เพียงพอ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง การเปลี่ยนโครงสร้างราคาพลังงานให้ประหยัดลงอย่างมาก เช่น ค่าไฟจะให้ราคาต่ำลงเหลือ 3 บาทต่อหน่วย แทบเป็นไปไม่ได้
“ในที่ประชุมจึงอยากให้มีการพิจารณาขุมพลังงานมหาศาลที่อยู่ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งที่ประชุมเห็นคล้อยกัน ถ้าต้องการจะหลุดพ้นไปจากกรอบค่าใช้จ่ายไฟฟ้า หนีไม่พ้นเราต้องมีแหล่งพลังงานเอง ใกล้ประเทศเพื่อนบ้าน”นายชัยกล่าว
นายชัยกล่าวว่า การดำเนินการหลังจากนี้ต้องมีหลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีข้อมูลตัวเลขที่น่าสนใจที่จะทำให้ต้นทุนค่าไฟ ต้นทุนค่าพลังงานจะถูกลงเท่าไหร่ และจะเป็นประโยชน์กับประชาชนแค่ไหน หากเรามีแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง
“กระทรวงพลังงานกับกระทรวงการคลังจะตั้งทีมทำงานร่วมกัน ประสานกันใกล้ชิด เพราะต้องใช้นโยบายการคลังร่วมด้วย”นายชัยกล่าว
นายชัยกล่าวว่าปัจจุบันทรัพยากรยังมีอยู่มหาศาล โดยเฉพาะแก๊ซอย่างเดียว 21 ล้านล้าน ใช้ได้อีก 25 ปี ค่าไฟจะเหลือ 3 บาทต้น ๆ เห็นน้ำเห็นเนื้อ