ผู้บริหารเอกชนมอง "GDP" ไทยปี 67 โตต่ำกว่า 2% ชี้ขึ้นค่าแรงยิ่งฉุดเศรษฐกิจ

หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 40 ในเดือนกรกฎาคม 2567 ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยครึ่งปีหลัง” จากการสำรวจความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 143 ราย ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด 

เพื่อสะท้อนมุมมองและความเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือของปี 2567 รวมทั้งข้อเสนอแนะทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยผู้บริหารกว่า 51.7% คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี (GDP) ขยายตัวต่ำกว่า 2% 

ทั้งนี้ มองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 67 ภาครัฐควรปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อส่งเสริมการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมมากที่สุดถึง 48.3% รวมถึงพัฒนาระบบการศึกษา และส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงานUpskill & Reskill & Newskill ให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต 46.9%
 

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมองว่า ภาครัฐควรส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะ (Pay by Skill) แทนการปรับค่าแรงขั้นต่ำกว่า 55.9% และต้องส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือ Made in Thailand ในภาคเอกชนผ่านมาตรการทางภาษี 50.3%

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มองว่าเป็นเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศมากถึง 54.5% และต้นทุนการผลิตที่ผันผวนอยู่ในระดับสูงทั้งจากค่าไฟฟ้า พลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่ง 51.0%
              
ด้านปัจจัยสนับสนุนที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มองว่าจะมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 ประมาณ 56.0% และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 41.4%
 

หม่อมหลวงปีกทอง กล่าวอีกว่า มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มธุรกิจและยอดขายช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 ส่วนใหญ่มองว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาประมาณ 39.8%

สำหรับผลสำรวจทั้งหมด เป็นดังนี้ 

ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ธุรกิจและยอดขายมีทิศทางอย่างไรเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

• ทรงตัว      30.8%
• หดตัว 1 - 10%      23.8%
• ขยายตัว 1 - 10%      21.0%
• หดตัวมากกว่า 10%      19.6%
• ขยายตัวมากกว่า 10%       4.9%

ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจและยอดขายอย่างไรเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก

• ไม่เปลี่ยนแปลง 39.8%
• แย่ลง  32.2%
• ดีขึ้น  28.0%

ปัจจัยสนับสนุนที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567

• การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567 56.0%
• ภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 41.4%
• การส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 38.8%
• มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัวในอุตสาหกรรมเป้าหมาย  21.6%

ปัจจัยเสี่ยงเรื่องใดที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งปีหลัง

• การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาท ทั่วประเทศ  54.5%
• ต้นทุนการผลิตที่ผันผวนอยู่ในระดับสูงทั้งจากค่าไฟฟ้า พลังงาน ราคาวัตถุดิบ และค่าขนส่ง 51.0%              
• สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในประเทศ และตลาดเป้าหมายของไทย 38.5%              
• กำลังซื้อของประชาชนที่ชะลอตัวจากหนี้ครัวเรือนและ NPL ที่อยู่ในระดับสูง 35.7%

ภาครัฐควรดำเนินมาตรการใดเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง

• ส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะ (Pay by Skill) แทนการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 55.9%              
• ส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือ Made in Thailand ในภาคเอกชนผ่านมาตรการทางภาษี 50.3%              
• แก้ไขปัญหาหนี้สินของ SMEs และหนี้ครัวเรือนที่มีความเสี่ยงจะเป็นหนี้เสีย (NPL) 47.6%              
• มาตรการอุดหนุนราคาพลังงานเพื่อลดต้นทุนการผลิต 41.3%

ผู้ประกอบการควรปรับตัวเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างไร

• นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ๆ 67.1%         
• นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต เช่น LEAN Manufacturing 47.6%              
• สร้างเครือข่ายและพันธมิตรเพื่อร่วมกันแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ 47.6%
• ขยายตลาดใหม่หรือทำตลาดในหลายประเทศเพื่อลดความเสี่ยง จากการพึ่งพาตลาดเดียว 45.5%

ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ภาครัฐควรเร่งปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในเรื่องใดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

• ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ และทบทวนมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม 48.3%            
• พัฒนาระบบการศึกษา และส่งเสริมการพัฒนาทักษะแรงงาน Upskill & Reskill & Newskill ให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในอนาคต 46.9%              
• ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมแบบมุ่งเป้าในภาคการผลิต   42.7%
• สนับสนุนการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่ความยั่งยืน 26.6%

คาดการณ์ GDP เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 จะขยายตัวในระดับใด 

• ขยายตัวต่ำกว่า 2% ประมาณ 51.7%
• ขยายตัว 2 – 3% ประมาณ 39.9%
• ขยายตัว 3 – 4% ประมาณ 5.6%
• ขยายตัวมากกว่า 4% ประมาณ 2.8%