นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงประเด็นที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ครั้งล่าสุดว่า การปรับลดดังกล่าวถือว่ามีอัตราค่อนข้างสูง ดังนั้นจะต้องติดตามผลกระทบที่จะตามมาด้วย เรื่องกระแสเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) มายังตลาดเงิน และตลาดทุนเอเชีย
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมามากถึง 1-2 แสนล้านบาท รวมที่จะไหลเข้ามายังประเทศไทยด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือเรื่องค่าเงินบาท เพราะเมื่อสหรัฐฯมีการลดดอกเบี้ยย่อมทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น และในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาก็มีการแข็งค่าแล้วถึง 5% ซึ่งถือว่าสูงมาก ซึ่งไม่ผลดีต่อภาคการส่งออก และกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
ดังนั้น จึงหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงตาม เพื่อช่วยสร้างความสมดุลให้ค่าเงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป หรือมีเสถียรภาพมากขึ้น
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า การลดดอกเบี้ยในประเทศนอกจากจะช่วยภาคการส่งออกแล้ว ยังจะเป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับผู้กู้ ซึ่งจะทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SMEs) เองก็จะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นจากภาระที่ลดลง
ส่งผลดีอย่างแน่นอน มื่อมีการลดดอกเบี้ยสิ่งที่มีผลระทบทันทีคืค่าเงินบาทจะแข็งขึ้น ซึ่งในช่วง1 เดือนที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นมาถึง 5% ถือว่าแข็งมาก โดยไม่เป็นผลดีต่อภาการส่งออก และจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
"เข้าใจว่าการที่เงินบาทแข็งค่าจะทำให้การนำเข้าสินค้าถูกลง โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เวลานี้ต้องช่วยกระตุ้นเรื่องการส่งออกมากว่า ดังนั้น จึงได้แต่หวังว่า ธปท. จะนำเรื่องดังกล่าวนี้ไปประกอบการพิจาณาในการประชุม กนง. รอบต่อไป ซึ่งเชื่อว่ามีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ย"