รู้จัก "DTV" วีซ่าใหม่ ดึงดูดชาวต่างชาติทักษะสูงเข้าไทย ทำงานทางไกล

กระทรวงการต่างประเทศ ประกาศย้ำนโยบายสำคัญเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีทักษะสูงเข้ามาทำงานและพำนักในประเทศอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในนโยบายด้านการต่างประเทศในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ณ กระทรวงการต่างประเทศ

วีซ่าดีทีวี (Destination Thailand Visa - DTV)

การออกวีซ่าระยะยาว "วีซ่าดีทีวี" (Destination Thailand Visa - DTV) ออกแบบมาเพื่อต้อนรับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการดิจิทัล และกลุ่มคนทำงานระยะไกล (Digital Nomads) ที่ต้องการใช้ชีวิตและทำงานในประเทศไทยได้สะดวกขึ้น วีซ่านี้ให้สิทธิในการพำนักในประเทศไทยนานถึง 180 วันต่อครั้ง และสามารถต่ออายุได้อีก 180 วัน ซึ่งนอกจากจะช่วยสนับสนุนการทำงานทางไกลแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่สนใจรับบริการทางการแพทย์ เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น มวยไทย หรือการทำอาหาร ได้เข้ามาใช้ชีวิตในประเทศไทย โดย DTV เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 และได้รับการยืนยันจากรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 และจะดำเนินการต่อไป

รัฐบาลตั้งเป้าหมายดึงดูดกลุ่มคนทำงานดิจิทัลจากทั่วโลกที่ต้องการใช้เวลาทำงานท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามของไทย เช่น การทำงานริมชายหาดหรือในพื้นที่ธรรมชาติที่เงียบสงบ การมาของบุคคลเหล่านี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับทักษะและความรู้ของแรงงานไทย นอกจากนี้ กลุ่มแรงงานดิจิทัลยังมีศักยภาพในการช่วยสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

ระบบการขออนุญาตเดินทางแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ETA)

พร้อมกันนี้เพื่อสนับสนุนการเข้าประเทศที่รวดเร็วและปลอดภัย กระทรวงการต่างประเทศได้แนะนำ ระบบการขออนุญาตเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Travel Authorization - ETA) ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการเข้าประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยระบบนี้จะมีบทบาทสำคัญในการคัดกรองนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางที่จะเข้ามายังประเทศไทย

นโยบาย “หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย” (Six Countries, One Destination)

นอกเหนือจากนโยบายวีซ่าดีทีวีแล้ว กระทรวงการต่างประเทศยังอยู่ระหว่างการเจรจากับอีก 5 ประเทศในภูมิภาค ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย เพื่อผลักดันนโยบาย "หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย" (Six Countries, One Destination) โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางข้ามพรมแดนของประเทศเหล่านี้ได้อย่างสะดวกผ่านการรวมวีซ่าร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงสอดคล้องกับการพัฒนาระบบคมนาคม เช่น โครงการรถไฟไทย-ลาว-จีน ที่กำลังเป็นโครงการสำคัญในภูมิภาค

เสริมสร้างบทบาทการทูตและ Soft Power

กระทรวงการต่างประเทศจะยกระดับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ให้จับต้องได้มากขึ้น และเชื่อมท้องถิ่นไทยสู่สากล โดยใช้กลไกสถานทูตไทยทั้ง 93 แห่ง เพื่อเปิดประตูสู่การเจรจาการค้าต่อไปในอนาคต มุ่งมั่นผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่ตลาดโลก โดยวางแผนจัดงานเทศกาลไทยในกว่า 50 แห่งทั่วโลก ภายในปี 2568 เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมดูแลสิทธิของแรงงานไทยในต่างประเทศ โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่น ความขัดแย้งในอิสราเอลกับฮามาส ที่ได้ช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

นโยบายใหม่นี้คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทย ทั้งในด้านการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในภูมิภาคอาเซียน