ธ.ก.ส. ประกาศ โอนเงิน 10,000 บาท ครบแล้ว "กระตุ้นเศรษฐกิจ" วันแรก 1.6 ล้านคน

25 ก.ย. 2567 | 07:26 น.
อัพเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2567 | 10:50 น.

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เผยโอนเงิน 10,000 บาท โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 จำนวน 1.6 ล้านคน วันแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้เปิดเผยว่า โอนเงิน 10,000 บาท วันแรกวันนี้ (25ก.ย. 67) เข้าบัญชีกลุ่มผู้พิการและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1.6 ล้านรายการ ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 เงินหนึ่งหมื่นบาทจากรัฐบาล ครบถ้วนเต็มจำนวนแล้ว

ธ.ก.ส. ประกาศ โอนเงิน 10,000 บาท ครบแล้ว \"กระตุ้นเศรษฐกิจ\" วันแรก 1.6 ล้านคน

พร้อมกันนี้ยังระบุด้วยว่า ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายหักชำระหนี้หรือเรียกเก็บเงินค่าบริการอื่นใดทั้งสิ้น

ชัดเจน จุลพันธ์ ยัน ธ.ก.ส. ไม่หักหนี้จากเงิน 10,000 บาท

ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขอชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าสถาบันการเงินบางแห่ง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หักเงินประชาชนไปชำระหนี้ ทำให้ถอนเงินออกมาไม่ครบจำนวน 10,000 บาท ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เราไม่มีนโยบายหักเงินเพื่อไปชำระหนี้สินของประชาชน และส่วนตัวก็ได้สื่อสารไปทางผู้บริหาร ธ.ก.ส. และทีมงานอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ในทางปฏิบัติก็ไม่สามารถทำได้

สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ เฟส 1 กำหนดแจกกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ประกอบด้วย

  • ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่กว่า 12.4 ล้านคน
  • ผู้พิการ กว่า 2.15 ล้านคน

รวมเป็นงบประมาณที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 1.45 แสนล้านบาท โดยจะแจกเป็นเงินสด จำนวน 10,000 บาท โอนเข้าบัญชีผ่านช่องทางที่กำหนด

  • ระบบพร้อมเพย์ผ่านหมายเลขบัตรประชาชน
  • หรือบัญชีเงินฝากที่แจ้งความประสงค์ไว้
  • หรือช่องทางการรับเงินเบี้ยคนพิการ ตามที่ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ

โดยกรมบัญชีกลาง กำหนดโอนเงินในวันที่ 25 - 27 และ 30 กันยายนนี้ แบ่งการโอนเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

  • วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนเงินให้คนพิการ พร้อมกันทั้ง 2.15 ล้านคน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 ประมาณ 1.13 ล้านคน
  • วันที่ 26 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 1-3 ประมาณ 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 27 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 4-7 ประมาณ 4.51 ล้านคน
  • วันที่ 30 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 8-9 ประมาณ 2.26 ล้านคน