30ก ย. แจกเงิน10000 กลุ่มเปราะบางครบ14.5 ล้านคน เลขท้ายบัตร 8-9 2.26ล้านคนเฮ

29 ก.ย. 2567 | 21:01 น.

30ก ย. วันสุดท้ายแจกเงิน10000 กระตุ้นเศรษฐกิจปี67 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หมายเลขท้ายบัตรประชาชน 8-9 จำนวน 2.26ล้านคนเฮ ชี้ได้ครบแล้ว 14.5ล้านคน 1.45แสนล้านบาท เฟสแรก คาดแจกเงินดิจิทัล เฟส2 จำนวน 26ล้านคน ปลายปี67เป็นของขวัญปีใหม่ ปี68

สร้างพายุหมุนไปแล้วลูกแรก ตามนโยบายรัฐบาลแพทองธาร สำหรับโครงการแจกเงิน10,000บาทกระตุ้นเศรษฐกิจปี67 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมีกำหนดแจกกลุ่มเปราะบางรวมทั้งสิ้น14.5 ล้านคน วงเงินงบประมาณ1.45แสนล้านบาท รูปแบบแจกเป็นเงินสด10,000บาท ตามเลขท้ายหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน

แจกเงิน10000บาทกระตุ้นเศรษฐกิจปี67 ครบ14.5ล้านคน 1.45แสนล้านบาท

เริ่มจากเลข0 ตั้งแต่วันที่25 ก.ย. 67สำหรับผู้พิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุดวันสุดท้าย วันที่30กันยายน หรือตั้งแต่ ช่วงเวลา 24.00น. (เที่ยงคืนวันที่29กันยายน)เป็นต้นไปโดยบัตรประชาชนที่ลงท้ายด้วยเลข 8และ9มีจำนวน 2.26ล้านคน และถึงมือประชาชนกลุ่มเป้าหมายครบทั้งหมดแล้วทั้ง14.5ล้านคน

 

 

หลังจากที่ผ่านมาโอนสำเร็จไปแล้วดังนี้ 

  • วันที่ 25 ก.ย. 67  โอนเงินให้คนพิการ และ ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 0 จำนวน 3.17 ล้านคน 
  • วันที่ 26 ก.ย.67 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลข 1, 2, 3 จำนวน 4.51 ล้านคน 
  • วันที่ 27 ก.ย.67 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 4,5,6,7 จำนวน 4.51 ล้านคน

และโอนครั้งสุดท้ายวันที่30 ก.ย.67 ดังกล่าว ซึ่งวันนี้ตื่นเช้ามาสามารถตรวจสอบเงินในบัญชี และถอนออกมาใช้จ่ายได้ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขข้อห้าม

 

ส่วนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการที่ยังมีปัญหา หรือตกหล่น รัฐบาลเปิดโอกาส ให้ใช้สิทธิ์และดำเนินการให้สำเร็จได้จนถึงวันที่3ธันวาคมนี้ ซึ่งปัญหาหลักๆมีดังนี้เช่น   

  •  คนพิการ : บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
  •  ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ:  ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น

มีรายงานข่าวจากกรมบัญชีกลางระบุว่าขอให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น ภายในวันที่ 18 ต.ค. 67 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ต.ค. 67

สำหรับคนพิการจำนวนประมาณ 9 หมื่นราย ที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ  หรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67

ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง ภายในวันที่ 10 ต.ค. 67 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ต.ค. 67

อย่างไรก็ตามมีการประเมินกันหลายภาคส่วนว่าการแจกเงิน10,000 บาทกระตุ้นเศรษฐกิจปี67 ซึ่งเป็นเงินสดจะกระตุ้นการใช้จ่ายในทันที สร้างผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ แม้ว่า บางกลุ่มอาจนำไปชำระหนี้ หรือ อาจเก็บไว้ให้ลูกหลายบางรายอาจเก็บไว้รักษาตัว และไม่ซื้อสินค้าอะไรมากไปกว่าข้าวสารอาหารแห้ง

 ในมุมของ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า การแจกเงินทันทีตามโครงการแจกเงิน10000บาท กระตุ้นเศรษฐกิจปี67 ให้กับกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ จำนวน 14.5 ล้านคน ช่วยดันจีดีพีไตรมาส 4 ปีนี้โต 3.5-4% ส่วนทั้งปี 67 คาดว่าจะโตได้ 2.7–2.8% จากเดิม 2.5%

สำหรับเงินดิจิทัลส่วนที่เหลือหรือโครงการเฟส2 ที่จะให้กับผู้มีสิทธิ์ในส่วนที่เหลือจำนวน26ล้านคนที่ลงทะเบียนแล้ว  นายธนวรรธน์ คาดจะเริ่มแจกได้ในช่วงปลายปี 67 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนจะมีโมเมนตัมช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ถึงต้นปี 68

คาดว่าจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปี 68 ขยายตัวได้ 3.5-4% ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ดอกเบี้ยโลกเริ่มลด และประเทศไทยมีงบประมาณแผ่นดินเพื่อการเบิกจ่ายลงทุนได้ตามปกติ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยลดลงมาอยู่ในระดับ 89-89.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ได้จากปี 67 ที่อยู่ในระดับ 90.8% ของจีดีพี

 สิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำคือ ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 4% ให้ได้โดยเร็ว รวมถึงปรับค่าแรงให้สูงขึ้น ลดราคาพลังงาน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากขยายดีขึ้นได้อย่างทั่วถึง พร้อมกับยกระดับคลินิกแก้หนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อช่วยดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน

 

รายงานข่าวจากตลาดสดเทศบาลกระบี่ พบว่าหลังจากประชาชนได้รับแจกเงิน10,000บาท มีการถือเงินสดมาจ่ายตลาดทั้งของสดและอาหารแห้ง ช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดขายของกันอย่างคึกคัก เชื่อว่าจะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ค่อนข้างมาก 

ส่วนฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชนมองว่าการแจกเงิน10,000บาท แก้ปัญหาไม่ตรงจุดและไม่เกิดความยั่งยืนเพราะเงินจะหมดในเวลาอันสั้น 

อย่างไรก็ตามเฟส2โครงการแจกเงินดิจิทัล รัฐบาลจะแจกเป็นเงินสดเหมือนเฟสแรกหรือไม่ สำหรับ26ล้านคนที่ลงทะเบียนรอไว้แล้ว งานนี้ต้องติดตาม !!!