The iCon Group “คลัง” แนะรื้อกฎหมายแชร์ลูกโซ่

16 ต.ค. 2567 | 23:20 น.

ปลัดคลังจ่อถกหน่วยงานเกี่ยวข้อง ปม “ดิไอคอนกรุ๊ป” จ่อรื้อพ.ร.ก.กู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 แก้เกมแชร์ลูกโซ่ แนะตำรวจดูแล แจงเหตุปัดตอบคำถาม สคบ.

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูรายละเอียดธุรกิจขายตรง บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon Group) ว่า การดำเนินธุรกิจของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัดนั้น หนึ่งเรื่องที่กระทรวงจะเข้าไปดูรายละเอียด และหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร็วๆ นี้ คือ กฎหมายพ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ซึ่งขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นผู้ดูแล

สำหรับพ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ยังคงไม่ได้ล้าสมัยในบริบทปัจจุบัน แต่การบังคับใช้กฎหมาย หรือที่อยู่ภาคปฏิบัติจะต้องไปดู เพื่อประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจาก สศค. เป็นผู้ร่างกฎหมาย แต่เมื่อร่างเสร็จแล้ว กฎหมายฉบับนี้ไม่ควรมาอยู่ที่ สศค. เพราะเป็นหน่วยงานนโยบาย ไม่ใช่หน่วยงานปฏิบัติ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

นายลวรณกล่าวว่า เมื่อเราถือกฎหมายก็ไม่มีอำนาจสืบสวนสอบสวน จะต้องเป็นตำรวจ หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ฉะนั้น การที่จะดูแลผู้เสียหาย หน่วยงานที่ดูแลโดยตรง เช่น DSI ควรจะนำกฎหมายไปถือไว้โดยตรงที่กระทรวงยุติธรรม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาร้องทุกข์ด้วย

“ทุกครั้งที่มีผู้เสียหายเกิดขึ้น ไม่เคยมีใครเดินมาร้องทุกข์ที่สศค. เป็นที่แรก เขาต้องไปหาตำรวจ DSI หรือกระทรวงยุติธรรมก่อน หรือสคบ."

ทั้งนี้ ตามกฎหมายพ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 เราสามารถปรับไปให้หน่วยงานอื่นดูแลได้ แม้ว่าเราจะเป็นผู้ออกกฎหมาย เช่น กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ สศค.ก็ยกร่างให้ในช่วง 4-5 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นเครื่องมือในการระดมทุน ให้การทำธุรกิจคล่องตัวขึ้น แต่ภาคปฏิบัติต้องดำเนินการโดยกรมที่ดิน เราก็ยกกฎหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นคนใช้ รมว.มหาดไทยก็เป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง

นายลวรณ กล่าวว่า ในกระบวนการดำเนินการของกระทรวงการคลัง สำหรับพ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ปัจจุบันเราจะเข้าไปช่วยในชั้นศาล ว่าการดำเนินการเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ ฉะนั้น การบังคับใช้กฎหมายอาจจะยังมีช่องว่างอยู่ ซึ่งครั้งนี้จะถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะเริ่มเข้ามาดูกฎหมาย ทบทวนว่าจะมีช่องว่างส่วนใดบ้างที่จะทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนการดำเนินธุรกิจของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ผิดกฎหมายการแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น ต้องดูหลักฐานจากการสอบสวน ว่ารายละเอียดธุรกิจเป็นอย่างไร ซึ่งต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้เรียบร้อยก่อน จึงจะเห็นหลักฐานว่าเข้าเกณฑ์ความผิดตามพ.ร.ก.การกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527

ขณะที่กรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เคยส่งหนังสือถึงสศค. ให้ตรวจสอบบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่าเป็นการดำเนินธุรกิจแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ตั้งแต่ปี 2561 แต่กระทรวงการคลังไม่ได้ตอบคำถามไปนั้น

ยืนยันว่า กรณีที่สคบ.ถามกระทรวงการคลังมาในลักษณะนี้ เราไม่เคยตอบทุกกรณี เพราะหากสศค.ตอบไป จะเป็นการฟอกขาวให้กับธุรกิจ กรณีไปดำเนินกิจการที่ไม่เป็นไปตามแผนที่ส่งมาถึงกระทรวงการคลัง ฉะนั้น กระทรวงการคลังจึงไม่ควรตอบคำถามดังกล่าว

“บริษัทบอกว่าวันนี้จะทำแผนธุรกิจแบบนี้ ผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย หากเราตอบไปว่าไม่ผิด บริษัทเหล่านี้ก็จะใช้หลักฐานดังกล่าว ไปหลอกลวงประชาชนอีก กรณีหากตั้งใจจะทำผิด ไม่ได้ทำตามแผนที่เขียนมา และอ้างเหตุผลว่ากระทรวงการคลังรับรอง สามารถดำเนินการได้ เราจึงไม่ตอบคำถาม เพื่อป้องกันการส่งเสริมหารขาย หรือไม่ไปฟอกขาว ให้ใคร”

อย่างไรก็ตาม ปี 2563 กระทรวงการคลังได้เปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ เมื่อสคบ. ถามมา เราจึงตอบไป มิฉะนั้น เรื่องจะค้าง จึงตอบว่า หากบริษัททำผิดข้อที่กฎหมายห้ามก็จะถือว่าผิด

ทั้งนี้ กรณีที่สคบ. ส่งหนังสือมาที่กระทรวงการคลัง จะสอบถาม 2 ลักษณะ คือ

  1. บริษัทจะจัดตั้งใหม่ ดำเนินการเช่นนี้ ผิดหรือไม่ กระทรวงการคลังจะไม่ตอบคำถามดังกล่าว
  2. กรณีมีผู้ร้องเรียนเข้ามาที่ สคบ. และถูกฉ้อโกง มีผู้เสียหาย เมื่อพิจารณาแล้วว่าผิดกฎหมายกระทรวงการคลัง เราจะส่งตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อ