เสร็จแล้ว! ขยายทางหลวงจันทบุรี-สระแก้ว ลดจราจรแออัด หนุนเศรษฐกิจตะวันออก

23 ต.ค. 2567 | 10:52 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ต.ค. 2567 | 11:18 น.

โครงการขยายทางหลวงหมายเลข 317 จันทบุรี-สระแก้ว ช่วง อ.สอยดาว-บ.เขาแหลม ตอน 1 เสร็จสิ้น เพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคม ส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว และการเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมยกระดับความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุในการเดินทาง

กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้ดำเนินการขยายและปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 317 สายจันทบุรี-สระแก้ว ช่วง อ.สอยดาว-บ.เขาแหลม ตอน 1 ระหว่าง กม. 65+350 ถึง กม. 82+000 เป็นระยะทางรวม 16.65 กิโลเมตร

โดยเส้นทางนี้มีจุดเริ่มต้นที่ อ.เมือง จ.จันทบุรี และสิ้นสุดที่ อ.เมือง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นโครงข่ายสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้

อีกทั้งยังเป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ซึ่งมีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เนื่องจากทั้งสองประเทศมีแหล่งวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค

โครงการขยายถนนจากเดิม 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ ข้างละ 2 ช่อง) โดยผิวจราจรเป็นแอสฟัลท์คอนกรีต ช่องจราจรกว้าง 3.50 เมตร และไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร

นอกจากนี้ ในบริเวณย่านชุมชน ยังมีการขยายให้เป็น 10 ช่องจราจร (ไป-กลับ ข้างละ 5 ช่อง) โดยแบ่งออกเป็นทางหลักข้างละ 3 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.50 เมตร และทางขนานข้างละ 2 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.00 เมตร เพื่อรองรับปริมาณการจราจรที่สูงขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว

การก่อสร้างในโครงการนี้ยังรวมถึงการก่อสร้างสะพานคู่ 6 แห่ง จุดกลับรถ งานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างบนทางหลวง งานติดตั้งไฟสัญญาณจราจร และการก่อสร้างศาลาที่พักทางหลวง 21 แห่ง

ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการสัญจร โดยมีการแบ่งทิศทางจราจรด้วยกำแพงคอนกรีต เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการข้ามเลน การดำเนินโครงการทั้งหมดใช้งบประมาณกว่า 896.93 ล้านบาท

ปัจจุบันการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ดังกล่าวมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นอกจากจะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจร ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับผู้ใช้เส้นทางทั้งในด้านการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยว และการเดินทางส่วนบุคคล

ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังชช่วยลดปัญหาการจราจร และอัตราการเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางให้กับผู้ใช้เส้นทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ