ครม.เคาะเกณฑ์ใหม่กองทุน Thai ESG จูงใจลงทุนเพิ่ม

29 ต.ค. 2567 | 08:11 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ต.ค. 2567 | 08:14 น.

ครม.เห็นชอบปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG จูงในการลงทุนเพิ่มเป็น 300,000 บาทต่อปี ลดเวลาถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี

วันนี้ (29 ตุลาคม 2567) แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย โดยปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG) โดยออกเป็นร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ...) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

สำหรับสาระสำคัญของเรื่องนี้ กระทรวงการคลัง แจ้งว่า เป็นการนำร่างกฎกระทรวงมาเสนอต่อ ครม.อีกครั้ง หลังจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ โดยเป็นการปรับปรุงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) มีรายละเอียดดังนี้ 

  • ขยายวงเงินการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อความยั่งยืนจาก 100,000 บาทต่อปีภาษี เป็น 300,000 บาทต่อปีภาษี 
  • ลดเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี (จากเดิมไม่น้อยกว่า 8 ปี) 
  • ครอบคลุมหน่วยลงทุนที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567

ส่วนกรณีผู้ที่ซื้อกองทุน TESG ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันก่อนวันที่ร่างกฎกระทรวงตามที่ กค. เสนอ มีผลใช้บังคับ ผู้มีเงินได้ดังกล่าวจะได้รับสิทธิหักค่าลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตรา 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และได้รับลดเวลาถือครองหน่วยลงทุนเหลือเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุนด้วย

ขณะที่กรณีที่ซื้อกองทุน TESG ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 และกรณีซื้อกองทุน TESG ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2570 เป็นต้นไป ผู้ซื้อกองทุนจะได้รับสิทธิหักค่าลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในอัตรา 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท เมื่อถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปี นับแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
 

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้พิจารณาการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตาม ม.27 และ ม.32 แห่ง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 คาดว่าจะมีการสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มอีกปีละประมาณ 31,000 - 14,000 ล้านบาท (ตามมาตรการเดิมคาดว่า จะก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ในปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีถัด ๆ ไปปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท) 

อย่างไรก็ตามประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทุนในกองทุน TESG มีดังนี้ 

  • เพิ่มการลงทุนในกองทุน TESG ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล 
  • ส่งผลให้การลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย และสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน 
  • ทำให้ผู้มีเงินได้เพิ่มจำนวนเงินในการออมและการลงทุนระยะยาว อันจะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมจากการออมและการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย