สำนักข่าวซินหัว รายงานจากกรุงลิมา ประเทศเปรูว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้พบปะหารือกับนางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู โดยสีจิ้นผิงเรียกร้องให้จีนและไทยเร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย พร้อมทั้งขยายความร่วมมือในด้านพลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับทั้งสองประเทศ
มิตรภาพจีน-ไทย: ความร่วมมือที่ก้าวไกล
นายสีจิ้นผิงกล่าวถึงมิตรภาพระหว่างจีนและไทยที่แน่นแฟ้นตามแนวคิด "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ซึ่งคงอยู่มายาวนานและเพิ่มพูนด้วยพลังใหม่ เขาย้อนรำลึกถึงการเยือนไทยในเดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งได้สร้างฉันทามติสำคัญเกี่ยวกับการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน ความร่วมมือนี้ได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในหลายด้าน นำมาซึ่งประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
นายสีจิ้นผิงยังระบุว่า ในปี 2025 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ทั้งสองประเทศควรใช้โอกาสนี้เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เสริมสร้างการบริหารปกครอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และขับเคลื่อนการพัฒนาสู่ความทันสมัยร่วมกัน
วัฒนธรรมและเยาวชน: เสริมสายใยประชาชน
นอกจากนี้ จีนและไทยควรเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษา โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน เช่น การจัดงานบูชาพระเขี้ยวแก้วในไทย เพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงส่งต่อมิตรภาพนี้สู่คนรุ่นใหม่
ความร่วมมือพหุภาคี: ขยายบทบาทในภูมิภาค
จีนยังย้ำถึงความสำคัญของการเสริมสร้างการประสานงานกับไทยในกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง อาเซียน และเอเปค เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค
ไทยชื่นชมบทบาทจีน: มุ่งสร้างอนาคตร่วมกัน
ด้านนายกรัฐมนตรีแพทองธารแสดงความชื่นชมความสำเร็จของจีนในด้านต่าง ๆ เช่น การลดความยากจน และกล่าวถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนระดับสูงในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่สดใสของความสัมพันธ์จีน-ไทยในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
ไทยยังพร้อมเดินหน้าความร่วมมือด้านทางรถไฟจีน-ไทย และโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) อื่น ๆ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม เสริมสร้างมิตรภาพดั้งเดิม และสนับสนุนระบบการค้าเสรีร่วมกันภายใต้กรอบพหุภาคี เช่น เอเปค เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ยั่งยืนและครอบคลุมในทุกมิติ