นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า การระดมทุนพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond: SLB) ครั้งแรกในประเทศไทย ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศอย่างล้นหลาม โดยนักลงทุนมีการเสนอวงเงินซื้อพันธบัตรรวมทั้งสิ้น 55,285 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่สบน. วางไว้ 30,000 ล้านบาท ถือว่าความต้องการสูงกว่าวงเงินที่วางไว้ถึง 2.76 เท่า
“เดิมเราประมาณการณ์ว่าจะออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน วงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท เมื่อพบว่านักลงทุนแสดงความสนใจอย่างล้นหลาม จึงเปิดจำหน่ายเต็มกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่งผลให้สบน. ได้การระดมทุนที่ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ อยู่ที่ 2.70% จากต้นทุนดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ 2.73%”
ทั้งนี้ ในการระดมทุนพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน มีนักลงทุนสถาบันในไทยกว่า 90% และยังมีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจความต้องการลงทุน (Book Build) ในพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจพื้นฐานไทย ตามนโยบายของรัฐบาล ประกอบกับฟิตซ์ เรตติ้ง ได้คงอันดับสถานะไทย BBB+ จึงเป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น
นายพชร กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนใหญ่ๆ ยังแสดงความสนใจการออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Bond : FCY) อย่างไรก็ตาม สบน. จะต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของไทย และต่างประเทศยังห่างกันถึงเท่าตัว ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนในการระดมทุนของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี หากในอนาคตการระดมทุนในประเทศมีข้อจำกัด สบน. ก็จะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว แต่ตามกฎหมายของสบน. การออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ จะต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ไม่สามารถระบุในแผนกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ ฉะนั้น จะต้องพิจารณารายละเอียดส่วนนี้ด้วย
สำหรับพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน มีอายุ 15 ปี ระดมทุนเพื่อการกู้ชดเชยขาดดุล ในปีงบประมาณ 2568 โดยวางเงื่อนไขไว้ว่า
ทั้งนี้ สบน. จะดำเนินการทางด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของรัฐบาลไทย โดยในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 นี้ สบน. มีแผนที่จะดำเนินการออก Sustainability Loan เพื่อระดมทุนในการสนับสนุนโครงการขนส่งพลังงานสะอาด และจะดำเนินหน้าที่ในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ด้านความยั่งยืนของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นไป