สบน.ออกบอนด์ยั่งยืน ครั้งแรกไทย ยอดจองซื้อพุ่ง 5.5 หมื่นล้าน

27 พ.ย. 2567 | 03:57 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ย. 2567 | 04:02 น.

สบน.เผยผลออกบอนด์ยั่งยืน ครั้งแรกไทย ยอดจองซื้อพุ่ง 5.5 หมื่นล้านบาท สูงถึง 2.76 เท่า ชี้ระดมทุนได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.70% ฝั่งดอลลาร์บอนด์รอจังหวะเหมาะสม

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า การระดมทุนพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond: SLB) ครั้งแรกในประเทศไทย ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศอย่างล้นหลาม โดยนักลงทุนมีการเสนอวงเงินซื้อพันธบัตรรวมทั้งสิ้น 55,285 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่สบน. วางไว้ 30,000 ล้านบาท ถือว่าความต้องการสูงกว่าวงเงินที่วางไว้ถึง 2.76 เท่า

นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

“เดิมเราประมาณการณ์ว่าจะออกพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน วงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท เมื่อพบว่านักลงทุนแสดงความสนใจอย่างล้นหลาม จึงเปิดจำหน่ายเต็มกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่งผลให้สบน. ได้การระดมทุนที่ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ อยู่ที่ 2.70% จากต้นทุนดอกเบี้ยในตลาดอยู่ที่ 2.73%”

ทั้งนี้ ในการระดมทุนพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน มีนักลงทุนสถาบันในไทยกว่า 90% และยังมีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจความต้องการลงทุน (Book Build) ในพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจพื้นฐานไทย ตามนโยบายของรัฐบาล ประกอบกับฟิตซ์ เรตติ้ง ได้คงอันดับสถานะไทย BBB+ จึงเป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น

นายพชร กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกองทุนใหญ่ๆ ยังแสดงความสนใจการออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Bond : FCY) อย่างไรก็ตาม สบน. จะต้องดูจังหวะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของไทย และต่างประเทศยังห่างกันถึงเท่าตัว ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนในการระดมทุนของรัฐบาล

อย่างไรก็ดี หากในอนาคตการระดมทุนในประเทศมีข้อจำกัด สบน. ก็จะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว แต่ตามกฎหมายของสบน. การออกพันธบัตรสกุลเงินตราต่างประเทศ จะต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ไม่สามารถระบุในแผนกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ ฉะนั้น จะต้องพิจารณารายละเอียดส่วนนี้ด้วย  

สำหรับพันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน มีอายุ 15 ปี ระดมทุนเพื่อการกู้ชดเชยขาดดุล ในปีงบประมาณ 2568 โดยวางเงื่อนไขไว้ว่า

  1. รถอีวีจดทะเบียน ในปี 2030 จำนวน 4.4 แสนคัน หากสามารถทำได้ตามเป้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลง 0.025% หากทำได้ตามเป้าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.025%
  2. การปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่เกิน 388.5 ล้านตันคาร์บอน ในปี 2030 หากสามารถทำได้ตามเป้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลง 0.025% หากทำได้ตามเป้าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.025%

ทั้งนี้ สบน. จะดำเนินการทางด้านการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของรัฐบาลไทย โดยในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 นี้ สบน. มีแผนที่จะดำเนินการออก Sustainability Loan เพื่อระดมทุนในการสนับสนุนโครงการขนส่งพลังงานสะอาด และจะดำเนินหน้าที่ในการสนับสนุนการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ด้านความยั่งยืนของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นไป