นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายสุพล จุลใส สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า มีโรงงานต้องสงสัยที่ ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี มีการลักลอบฝังกลบของเสีย วัตถุอันตราย รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงร้องเรียนเรื่องกลิ่นเหม็นจากโรงงาน
จึงได้สั่งการให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นเมื่อวันที่ 19 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจพื้นที่ของโรงงาน พบสิ่งผิดปกติและเศษถุงกระสอบบิ๊กแบ็ค ที่ถูกฝังลงบนพื้นดิน โดยเก็บตัวอย่างเศษดิน กาก ตะกอน เพื่อตรวจสอบหาค่าโลหะหนัก ผลตรวจเบื้องต้นพบว่า มีสารโลหะหนักในตัวอย่างที่เก็บมา ซึ่งเข้าข่ายเป็นวัตถุอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย จึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดลพบุรี เพื่อเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ส่งชุดตรวจการกระทรวงอุตสาหกรรท รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เข้าตรวจสอบโรงงานที่ถูกร้องเรียน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท เคดีดี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด และบริษัท ดี-เวสต์ ยูทิลิเซชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการคัดแยกรีไซเคิลโลหะจากชิ้นส่วนไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
และได้ตรวจสอบภายในโรงงาน โกดัง เตาหลอม เครื่องจักร ระบบบำบัดอากาศ ระบบบำบัดน้ำทิ้ง กองวัตถุดิบ โดยใช้รถแบคโฮขุดตักดินลึกลงไปตั้งแต่ 0.5-3 เมตร บริเวณโดยรอบโรงงานทุกจุดที่ต้องสงสัย เพื่อเก็บตัวอย่างกากอุตสาหกรรมที่พบใต้ดินตรวจสอบซ้ำทันที บางจุดยังพบว่าโรงงานฝังกลบลึกลงไปถึง 5 เมตรด้วย
"ผลการตรวจสอบพบค่าโลหะหนักทั้งเหล็ก ปรอท ตะกั่ว และกากตะกรันอะลูมิเนียม หรืออะลูมิเนียมดรอส (Aluminium Dross) รวมกว่า 1.5 หมื่นตัน แล้วยังพบว่าโรงงานไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใน พ.ร.บ.โรงงาน ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม พร้อมยังลักลอบฝังกลบวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงสั่งอายัดเครื่องจักรและวัตถุดิบ พร้อมแจ้งความเอาผิดข้อหาตั้งโรงงานจำพวกที่ 3 ประเภทหลุมฝังกลบโดยไม่ได้รับอนุญาต"
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ขณะเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมกรรมการบริษัทของ บริษัท ดี-เวสต์ ยูทิลิเซชั่น จำกัด ได้ในที่เกิดเหตุ และส่งดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น พร้อมจะขยายผลดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาดต่อไป โดยความผิดข้อหาประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ประเภทหลุมฝังกลบ โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่นกัน
กากพิษโลหะหนักที่ตรวจพบ ทั้งตะกั่ว ปรอท อลูมิเนียมดรอส ล้วนแล้วแต่มีอันตรายต่อร่างกาย หากทำปฎิกริยากับน้ำและปล่อยไอระเหยหรือก๊าซ เมื่อสูดดมทำให้แสบตา แสบจมูก และสะสมอาจเกิดความเสี่ยงทำลายระบบทางเดินหายใจและเม็ดเลือดแดงที่จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ กระทรงงอุตสาหกรรม จึงต้องเข้มงวดการจัดการกากอุตสาหกรรมเหล่านี้เพื่อสุขอนามัยของประชาชน