นายการันต์ ซิงห์ กรรมการผู้จัดการของ ACG เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการต่อยอดกลยุทธ์ โดยการขยายธุรกิจตามยุทธศาสตร์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดหลักในเอเชีย
โดยการสร้างโรงงานผลิตแคปซูลแห่งใหม่ในประเทศไทยที่จังหวัดระยอง ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมทันสมัยมาประยุกต์ใช้ เพื่อมุ่งเน้นการผลิตแคปซูลเจลาตินแข็ง
ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยจะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจระดับโลกของ ACG เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการแคปซูลคุณภาพสูงที่เติบโตขึ้นในภูมิภาคเอเชีย นอกเหนือจากประเทศไทย เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ จะได้รับประโยชน์จากการขนส่งที่รวดเร็วขึ้นและการจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยโรงงานผลิตแคปซูลดังกล่าวมีพื้นที่รวม 175,000 ตารางเมตร และพนักงานประมาณ 250 คน มีศักยภาพในการผลิตมากถึง 20,000 ล้านแคปซูลต่อปี
อย่างไรก็ดี ACG ยังตั้งเป้าหมายที่จะขออนุมัติจัดหาแคปซูลไปยังประเทศจีน และวางแผนขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ผ่านโรงงานในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานการผลิตและให้บริการที่ดียิ่งขึ้นในตลาดเอเชีย
"โรงงานดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและใช้เทคโนโลยีใหม่ร่นระยะเวลาจัดส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในตลาดเอเชีย"
นายเซลวิน นอโรนฮา ซีอีโอ ACG Capsules เผยว่า กรดำเนินการดังกล่าวถือเป็นปัจจัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่ช่วยเสริมสร้างด้านโลจิสติกส์และร่นเวลาการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะมุ่งสนับสนุนการจ้างงานคนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการในตลาดภูมิภาคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับจุดเด่นของโรงงานดังกล่าว คือเน้นการผลิตแคปซูลเจลาตินแข็งในขนาดที่นิยมทั้งหมด ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แคปซูลทันสมัย ช่วยเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และความสามารถในการปรับแต่งผลิตภัณฑ์ โรงงานถูกออกแบบมาให้มีความคล่องตัวและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเภสัชกรรม สมุนไพร และอาหารเสริม