ดีเดย์! คุมเข้มเหล็กเคลือบสีต้องมีมอก.ปี 68 ลดปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ

27 ธ.ค. 2567 | 09:34 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ธ.ค. 2567 | 09:34 น.

ดีเดย์! คุมเข้มเหล็กเคลือบสีต้องมีมอก.ปี 68 ลดปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ หลังได้รับข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าด้อยคุณภาพโดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เตรียมประกาศให้เหล็กกล้าเคลือบสี 2 ชนิด ได้แก่ เหล็กกล้าเคลือบสังกะสี หรือเหล็ก PPGI และเหล็กกล้าเคลือบอะลูมิเนียมผสมสังกะสี หรือเหล็ก PPGL เป็นสินค้าควบคุม โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 68 

ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น เหล็ก สายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ หากไม่มีมาตรฐานอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ 

โดยได้ส่งทีมตรวจการณ์ของกระทรวงฯ ลงพื้นที่ตรวจอย่างเข้มงวด โดยตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ได้ยึดอายัดเหล็กไม่ได้มาตรฐานแล้วมูลค่ากว่า 287 ล้านบาท และจะปูพรมตรวจทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น 
 

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้มงวดในการตรวจควบคุมการผลิตและนำเข้าสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ประชาชน โดยเพิ่มจำนวนสินค้าที่ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยของประชาชนให้เป็นสินค้าควบคุมมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการผลิตและนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ และให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันสำหรับผู้ประกอบการในประเทศ 

ดีเดย์! คุมเข้มเหล็กเคลือบสีต้องมีมอก.ปี 68 ลดปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพ

นายบรรจง สุกรีฑา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) กล่าวว่า หลังจากที่ กมอ. ได้มีมติเห็นชอบให้เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี มอก.2131-25XX และเหล็กกล้าทรงแบนเคลือบอะลูมิเนียม 55% ผสมสังกะสีโดยกรรมวิธีจุ่มร้อนและเคลือบสี มอก.2753-25XX เป็นสินค้าควบคุม เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา 

สมอ. ได้เวียนร่างมาตรฐานเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียจากการบังคับใช้มาตรฐาน ผลดี ผลเสียที่จะเกิดแก่ผู้ประกอบการ และเศรษฐกิจของประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่เห็นชอบให้เหล็กทั้ง 2 ชนิด เป็นสินค้าควบคุม กมอ. จึงมีมติยืนตามความเห็น และให้ สมอ. เร่งดำเนินการให้เหล็กดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว
 

นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติเห็นชอบร่างมาตรฐานที่ สมอ. เสนอ รวมจำนวน 33 มาตรฐาน เช่น โครงคร่าวเหล็กกล้าสำหรับยึดแผ่นฝ้าและแผ่นผนัง หม้อแปลงไฟฟ้า พาวเวอร์แบงค์ และมาตรฐานวิธีทดสอบต่าง ๆ เป็นต้น

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสมอ. กล่าวว่า สมอ. ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นเหล็กมุงหลังคาที่ผลิตจากเหล็ก PPGI และ เหล็ก PPGL คุณภาพต่ำ ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้มีอายุการใช้งานสั้น เกิดสนิมเร็ว ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเหล็กในประเทศ ทั้งผู้ทำ และผู้นำเข้า ต่างประสบปัญหากับคุณภาพสินค้าเหล็กดังกล่าว โดยมีการนำเข้าสินค้าคุณภาพต่ำเข้ามาจำหน่าย มีการแสดงรายละเอียดชั้นเคลือบสินค้าไม่ตรงตามความเป็นจริง 

ทำให้เหล็กเกิดสนิมภายในระยะเวลาการใช้งานไม่นาน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องที่นำเหล็กดังกล่าวไปใช้ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น สมอ. จึงเสนอบอร์ดให้ควบคุมเหล็กทั้ง 2 ชนิด ซึ่งเดิมเป็นมาตรฐานทั่วไป ให้เป็นมาตรฐานบังคับ 

โดยเหล็กกล้าเคลือบสีที่ได้มาตรฐาน มอก. นั้น จะผ่านการทดสอบความเข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อน ไม่เป็นสนิมง่าย คงทนต่อสภาพอากาศ มีอายุการใช้งานยาวนาน และมีสีสันสวยงาม ซึ่งหลังจากที่บอร์ดมีมติเห็นชอบ สมอ. จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อประกาศให้เหล็ก PPGI และ PPGL เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในปี 68