นายใบน้อย สุวรรณชาตรี เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังโรงงานน้ำตาลทั้ง 58 แห่ง ให้รับเฉพาะอ้อยสดเข้าหีบ
โดยชะลอ ระงับ ยับยั้ง และยุติการเผาไร่อ้อย รวมถึงยุติการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบ ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2568 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 12 มกราคม 2568 เวลา 23.59 น.
ทั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญวันเด็กสำหรับเยาวชนไทยทั้งประเทศ โดยการคืนอากาศบริสุทธิ์ให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวมาจากที่ผ่านมาได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 - 30 ธันวาคม 2567 ได้มีการลักลอบเผาอ้อยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ซึ่งสอดคล้องกับความหนาแน่นของฝุ่น PM2.5 ที่เริ่มกลับขึ้นมาสูงอีกครั้ง
ซึ่งสันนิษฐานว่า การลักลอบเผาอ้อยที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อเตรียมการส่งอ้อยเข้าหีบในวันที่ 3 มกราคม 2568 โดยเป็นวันที่โรงงานน้ำตาลเริ่มกลับมาผลิตน้ำตาลทรายอีกครั้ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพและการประกอบอาชีพของประชาชนในวงกว้าง เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย
นายใบน้อย กล่าวอีกว่า การเผาไร่อ้อยนอกจากจะเป็นการกระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว ยังเป็นการเอารัดเอาเปรียบภาคธุรกิจอื่น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างภาระให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เนื่องจากการเผาไร่อ้อยก่อนเก็บเกี่ยวเป็นการเผาอ้อยยืนต้นที่มีความสูงราว 3-4 เมตรเพื่อเอาใบออก
อย่างไรก็ดี อ้อยที่ถูกลักลอบเผา 10 ล้านตันเทียบเท่าได้กับการเผาป่า 1 ล้านไร่ ทำให้ก่อมลพิษฝุ่น PM2.5 ในปริมาณสูงมาก สามารถคงค้างอยู่ในบรรยากาศเป็นระยะเวลายาวนานและแผ่ขยายได้ตามทิศทางลม จึงปกคลุมหนาแน่นทั่วพื้นที่ในบริเวณที่มีประชนชนอาศัยอยู่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนของทุกปี ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่ทวีความรุนแรงและส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพประชาชนผู้หายใจอากาศที่มีฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดจากการลักลอบเผาอ้อยเหล่านี้ จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายช่วยกันสอดส่อง จัดการและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรับผลกระทบจากเรื่องนี้