“พิชัย” ชงภูเก็ต นำร่องใช้ “คริปโตเคอร์เรนซี” แทนเงินสด ภายในปี 68

08 ม.ค. 2568 | 05:59 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2568 | 06:04 น.

“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง ชี้รัฐพร้อมผลักดันใช้ “คริปโตเคอร์เรนซี” แทนเงินสด นำร่องภูเก็ต เห็นภายในปี 68 สร้างโอกาสประเทศไทย คาดปีนี้เศรษฐกิจโต 3%

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ว่า รัฐบาลมีนโยบายผลักดันเปิดให้ทดลองใช้สกุลเงิน “คริปโตเคอร์เรนซี” แทนการใช้เงินสด นำไปชำระค่าบริการสินค้าในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยจะมีการทดสอบใช้ในภูเก็ต เพื่อสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มเห็นภายในปี 2568 นี้

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

“ยืนยันว่า การเปิดให้ จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะอะไรที่ผิดกฎหมายเราจะไม่ดำเนินการ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวไม่ต้องแก้กฎหมายอะไรเพิ่มเติม มีกลไกที่ทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะจัดให้เข้าระบบเท่านั้น โดยจะมีการทดสอบใช้ในภูเก็ต เพื่อสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย”

ทั้งนี้ แนวคิดในการดำเนินเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมองว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวทั่วโลกมีการถือครองทรัพย์สินที่เป็นคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนมากและมูลค่าของ คริปโตเคอร์เรนซี ก็เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา

“ทำไมเราไม่เอาสิ่งที่คนแลกเปลี่ยนกันทั่วโลก  ซึ่งมีดีมานด์การแลกเปลี่ยนเยอะมาก  วันนี้มี 21 ล้านคอยน์ คิดเป็นเงิน 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่การแลกเปลี่ยนไม่ถึง 10 ล้านคอยน์ ซึ่งมีสภาพคล่องประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับดิจิทัล เคอร์เรนซี ดังนั้น เราจึงลองพัฒนาดูว่าคนที่อยากจะได้คือใคร เราก็ ออกแบบตลาดให้เขาสามารถแลกเปลี่ยนทำกันได้” 

นายพิชัย ยกตัวอย่างว่า สมมุตินักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทย ก็จะนำคอยน์นี้มาลงทะเบียนในตลาดที่ไทยสามารถตรวจสอบได้ หรือทำการยืนยันตัวตน (KYC) ได้ เวลาซื้อของก็จ่ายเป็นเงินคอยน์ ก็จะมีศูนย์ดูแลอัตราแลกเปลี่ยน (exchange house) ซึ่งคอยน์เหล่านั้น จะโอนเข้าไปอยู่ในแอปพลิเคชัน แล้วสามารถโอนกลับมาเป็นเงินบาท ผ่านระบบ Clearing house ได้

“ตอนนี้มีคนที่หนีภัยสงคราม แถวยูเครน หรือรัสเซีย อยากมาที่ไทย ต้องการซื้อบ้านราคาสัก 50 ล้านบาท การหาเงิน 50 ล้านบาทยากมาก แต่ถ้าใช้คอยน์ง่ายมาก ถ้าเราไม่ทำเลย โครงสร้างเหล่านี้จะไม่เป็นที่เข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน ดิจิทัล แพลตฟอร์ม ตลาดทุนก็เช่นกัน จะต้องเป็นดิจิทัล แพลตฟอร์ม เพื่อลงไปสู่รายย่อยให้ได้”

นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลัง ว่า เราต้องการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจสู่อนาคต สร้างแรงจูงใจและหามาตรการเชิงรุก ดังนั้น ตนต้องทบทวนระบบภาษีทั้งหมด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกัน จะต้องมีการสร้างสภาพแวดล้อมให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน แน่นอนว่าต้องสนับสนุนแหล่งเงินทุน  ซึ่งตนพยายามที่จะผลักดันให้สถาบันการเงินทั้งเอกชนและภาครัฐ ปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก

ทั้งนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ภาคเอกชน เข้ามาลงทุน เนื่องจากงบประมาณของรัฐมีน้อย โดยหาแหล่งเงินทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นการดึงรายได้ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 30 ปี หรือ Future Cash flow มาใช้ในวันนี้

นายพิชัย กล่าวว่า ปีนี้ เรามายืนอยู่ในจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจปี 2567 จะขยายตัว 2.7 -2.8% ซึ่งเป็นการก้าวเปลี่ยนแปลงที่สามารถหลุดออกจากการเติบโตที่ต่ำเพียง 2 %  ขณะที่ปีนี้ ในมุมมองของบางฝ่ายมองว่าเราอาจขยายตัวต่ำกว่า 3 % แต่ในมุมมองของตนนั้น เชื่อว่าเราสามารถขยายตัวได้ 3 %