“สุริยะ” ยืนกราน ลงนามแก้ไขร่างสัญญา “ไฮสปีด 3 สนามบิน” จบใน 3 เดือน

08 ม.ค. 2568 | 12:15 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ม.ค. 2568 | 12:25 น.

“สุริยะ” มั่นใจลงนามเอกชน ลุยแก้ไขร่างสัญญา “ไฮสปีด 3 สนามบิน” เสร็จภายใน 3 เดือน จ่อส่งอัยการสูงสุดตรวจสอบร่างฯ ก่อนชงครม.ไฟเขียว

นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการแก้ไขร่างสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) หรือไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินนั้น ยืนยันว่ายังอยู่ในกรอบเวลาเดิมตามขั้นตอนของพ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม พิจารณา

ทั้งนี้ตามขั้นตอนหลังจากบอร์ดกพอ.อนุมัติแล้ว จะส่งร่างแก้ไขสัญญาฯให้แก่อัยการสูงสุดตรวจสอบ ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คาดว่าจะลงนามสัญญาร่วมกับเอกชนได้ภายใน 3 เดือน 
 

สำหรับการเสนอการแก้ไขสัญญาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ประกอบด้วย วิธีชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุน (PIC) เมื่อเอกชนเปิดเดินรถ รัฐจะจ่ายเป็นงวดตามความก้าวหน้าของงานที่ รฟท. ตรวจรับ วงเงินไม่เกิน 120,000 ล้านบาท โดยเอกชนต้องวางหลักประกันเพิ่มเติมจากสัญญาเดิม รวมเป็นจำนวน 160,000 ล้านบาท เพื่อรับประกันว่าจะก่อสร้างและเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูงฯ ได้ภายใน 5 ปี

ด้านการกำหนดชำระค่าสิทธิให้ร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) โดยให้เอกชนแบ่ง ชำระค่าสิทธิจำนวน 10,671.09 ล้านบาท เป็น 7 งวด เป็นรายปี จำนวนเท่า ๆ กัน โดยชำระงวดแรก ณ วันที่ลงนามแก้ไขสัญญา ขณะเดียวกันเอกชนจะต้องวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร ในมูลค่าเท่ากับค่าสิทธิ ARL รวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเงินอื่นที่ รฟท. ต้องรับภาระ
 

ส่วนการกำหนดส่วนแบ่งผลประโยชน์ตอบแทน (Revenue Sharing) เพิ่มเติม หากในอนาคตอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการฯ ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ และเป็นผลให้เอกชนได้ผลประโยชน์ตอบแทน (IRR) เพิ่มขึ้นเกิน 5.52% รฟท.มีสิทธิเรียกให้เอกชนชําระส่วนแบ่งผลประโยชน์เพิ่มได้ ตามจำนวนที่จะตกลงกันต่อไป

นอกจากนี้การยกเว้นเงื่อนไขการออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (NTP) โดยให้คู่สัญญาจัดทำบันทึกข้อตกลงยกเว้นเงื่อนไข NTP ที่ยังไม่สำเร็จ เพื่อให้ รฟท. สามารถออก NTP ได้ทันที เมื่อลงนามสัญญาที่แก้ไขตามหลักการทั้งหมด รวมถึงการป้องกันปัญหาในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะทางการเงินของโครงการฯ โดยปรับปรุงข้อสัญญาในส่วนของเหตุสุดวิสัยและเหตุผ่อนผัน ให้สอดคล้องกับสัญญาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนในโครงการอื่น