โครงการ EEC หรือ Eastern Economic Corridor ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่เกิดขึ้น เพื่อผลักดันให้ภาคตะวันออกของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนจากทั่วโลกและเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหลักในยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยความร่วมมือของรัฐบาลกับภาคเอกชน ซึ่งมีเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาทและคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย 4.5 แสนล้านบาทต่อปี
โดยในช่วงแรกจะเริ่มพัฒนาใน 3 จังหวัดที่มีความพร้อมเรื่องของการขนส่งทั้งทางบกและทางน้ำ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง ปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่สนใจเข้ามาลงทุนใน EEC แล้วจากจีน ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ออสเตรียและอังกฤษ ซึ่งหากรวมกับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านคนต่อปี ทำให้ภูมิภาคตะวันออกถูกจับตามองขึ้นทันที
กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักอาศัยในเมืองไทย โดยเฉพาะที่ระยอง ที่พบว่ามีชาวสวีเดนไม่ต่ำกว่า 500 ครอบครัว รวมไปถึงชาวเยอรมันและฝรั่งเศส นอกจากนี้ระยอง ยังเป็น 1 ใน 2 จังหวัดของประเทศไทยที่มีเศรษฐกิจครบทั้ง 3 อย่างคืออุตสาหกรรม เกษตรกรรมและท่องเที่ยว โครงการ EEC จึงส่งผลบวกกับระยอง
โดยเฉพาะเรื่องของสนามบิน รถไฟความเร็วสูงและท่าเรือ ซึ่งเริ่มเห็นทิศทางที่ดีตั้งแต่สนามบินดอนเมืองย้ายมาสุวรรณภูมิทำให้คนเริ่มมาเที่ยวภาคตะวันออกมากขึ้น และในอนาคตสนามบินย้ายมาลงที่อู่ตะเภาก็ยิ่งใกล้และจะกลายเป็นเซ็นเตอร์ใหญ่และทำให้แถบนี้กลายเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวและพักอาศัยแน่นอน
นายพีรพล นนทสูติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลล์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โควิดทำให้พฤติกรรมการมองหาที่พักอาศัยเปลี่ยนแปลงไป คนต้องการอยู่บ้านมากขึ้นทำให้มองหาที่พักอาศัยที่มีพื้นที่มากขึ้น และใช้งานได้จริง ซึ่งแกรนด์ แอสเสทฯ พยายามที่จะพัฒนาสินค้าที่เป็นยูนีคและคุณภาพของการบริการที่จะมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว
จึงเปิดตัวเมกะโปรเจ็กต์ “อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง” เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับเวิลด์คลาส ที่มุ่งเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ในประเทศไทย ภายใต้แนวคิดการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness)
ประกอบด้วยพูลวิลล่า 61 หลัง คอนโดมิเนียม 282 ยูนิต และรีสอร์ทระดับ 5 ดาว 209 ห้อง พื้นที่ส่วนกลางประกอบด้วย สระว่ายน้ำอินฟินิตี้ ร้านอาหารสุดพิเศษ และโอเชียน สกาย บาร์ ฯลฯ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้พักอาศัยในโครงการ เพราะปัจุบันชาวต่างชาติและคนไทยต้องการธรรมชาติและบ้านหลังที่ 2 ที่อยู่ได้จริง
“โครงการนี้เพิ่งเริ่มต้นซึ่งการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลา 3-4 ปีจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จ ในโครงการของเราจะมีทั้งในส่วนของบ้านพัก โรงแรมและคอนโด มูลค่าโครงการทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านบาท ในเฟสแรกเราจะโฟกัสในส่วนของบ้านพักก่อนก็คือในส่วนของ residence ซึ่งสร้างเสร็จเฟสแรกไปแล้ว 9 หลัง จาก 61 หลัง คาดว่าสิ้นเดือนนี้น่าจะปิดยอดได้ทั้งหมด โดยมี CBRE เป็นเอเย่นต์ และกำลังก่อสร้างเฟส 2 จำนวน 9 หลังซึ่งเป็น booking แล้วสั่งสร้าง”
ทั้งนี้ “อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง” วางกลุ่มเป้าหมายของโครงการเป็นคนไทยที่มองหาบ้านหลังที่ 2 และยังคงเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีนิคมอุตสาหกรรม หรือผู้บริหารในโซนตะวันออกหรือคนที่เดิมซื้ออสังหาริมทรัพย์ในพัทยาหรือชลบุรีได้มี option คือระยองซึ่งเป็น destination ใหม่ ทั้งนี้จุดเด่นของโครงการด้านหน้าติดทะเลด้านหลังติดภูเขาถือเป็นฮวงจุ้ยที่ดีมาก
“ตอนนี้พื้นที่ทั้งหมด 93 ไร่แบ่งเป็นวิลล่า 36 ไร่ เจาะกลุ่มคนที่ต้องการบ้านหลังที่ 2 ในส่วนของโรงแรม 32 ไร่ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทยน่าจะเยอะในช่วงแรก และแถบนี้ยังไม่ค่อยมีโรงแรมเปิดใหม่ ส่วนแบรนด์โรงแรมจากที่คุยกันจะเป็นไฮแอท รีเจนซี่ และอีก 5 ไร่เป็นคอนโด ซึ่งอาจจะต้องมองในอนาคตอีกครั้งว่า สถานการณ์จะเป็นยังไง
ตอนนี้ในส่วนของคอนโดและโรงแรมมีการเขียนแบบเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะมีการเพิ่มลดสัดส่วนห้องพักลงและเปิดในโซนโอเพ่นแอร์ให้มากขึ้น ซึ่งในช่วงโควิดที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นเราน่าจะเริ่มก่อสร้างได้เมื่อทุกอย่างมีทิศทางชัดเจนมากขึ้นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาหรือว่าเป็นช่วงขาขึ้นเราก็พร้อมที่จะก่อสร้าง ภายใน 2-3 ปีขึ้นอยู่กับการกลับมาของนักท่องเที่ยว เพราะแม้ว่าตอนนี้นักท่องเที่ยวไทยเริ่มจะกลับมาเยอะแล้ว แต่ยังไม่สามารถซัพพอร์ตบรรยากาศการท่องเที่ยวทั้งหมด 100% ได้ จะต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น
ส่วนคอนโดจะเป็นอีกระยะหนึ่งแต่ยังคงความเป็น luxury ตอนนี้อยู่ในช่วง planning ดีไซน์ออกแบบรายละเอียดและการปรับส่วนต่างๆ ดังนั้นตอนนี้เราโฟกัสที่วิลล่าซึ่งจะต้องทำหลายๆ เฟสและพื้นที่ส่วนกลางค่อยๆทยอยเติม เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีโรงแรม หรือคอนโดแต่ทุกอย่างก็ operate full ในตัวของมัน เพราะมีอมาธารามาเซอร์วิสครบทั้งหมด คนที่พักที่นี่ก็จะเหมือนอยู่โรงแรมมีเซอร์วิส มีคอนเชียสเซอร์วิส มีบัตเลอร์มี wellness ไม่ได้แตกต่างจากโรงแรม และเมื่อทั้งโครงการเสร็จทั้ง3 compound ของเราจะต่อเนื่องกัน”
ในส่วนของ wellness ได้ร่วมมือกับ “อมาธารา เวลเนส รีสอร์ท” นอกจากจะเข้ามาช่วยพัฒนาการบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) เพื่อก้าวสู่ “จุดหมายปลายทาง” ที่พักอาศัยด้านสุขภาพระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ในอนาคต แล้วยังจะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มของ BDMS กลุ่มเมดิคอลเพื่อรองรับบริการทางด้านการแพทย์ด้วย
นอกจากนี้ยังมีบริการแบบเอ็กซ์คลูซีพ ได้แก่ 24-Hour concierge-บริการผู้ช่วยพิเศษที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแบบ 24 ชม., Food and Beverage Operation, In-Villa dining, Pre-arrival provisioning, grocery shopping & delivery, Wellness Treatments สร้างเสริมสุขภาพที่ดี ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ผ่อนคลาย และปรับสมดุลร่างกาย จิตใจของคุณด้วย Wellness Treatments and Activities, Well qualified fitness trainers and specialists (Yoga, Pilates, Watersports) สร้างเสริมสุขภาพของคุณให้แข็งแรง ด้วยผู้ฝึกสอนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านการออกกำลังกายประเภท โยคะ พิลาทิส Barre และกีฬาทางน้ำ
Homecare program for elderly-โปรแกรมดูแลผู้สูงอายุถึงที่บ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องการการดูแลที่เหมาะสมและใกล้ชิดมากที่สุด, Kids Club service สำหรับครอบครัวที่มีเด็ก ทางโครงการมีบริการพี่เลี้ยงเด็กสำหรับดูแลลูกๆ ในเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะ
Landscape maintenance การรักษาต้นไม้ดั้งเดิมในพื้นที่ ดูแลรักษาภูมิทัศน์ภายในโครงการให้มีความสวยงาม เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด พร้อมกับสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด Holistic Wellness, First aid & hospital transfer อุ่นใจด้วยการเตรียมพร้อมสำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการเคลื่อนย้ายไปสู่โรงพยาบาล
In-room housekeeping มอบความสะดวกสบายอีกขั้นด้วยบริการทำความสะอาดภายในที่พักของผู้พักอาศัยจาก ทีม housekeeper ผู้มีประสบการณ์ ครอบคลุมการทำความสะอาดภายในห้องพักของคุณ, Rental management service-ช่วยจัดการดูแลเรื่องการปล่อยเช่าห้องพักของลูกบ้านอย่างครบวงจร ตั้งแต่การประสานงานระหว่างลูกบ้านและผู้เช่า จัดการเรื่องสัญญาเช่า ดูแลผู้เช่าแทน เป็นต้น
ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ จังหวัดระยองมียอดสะสมนักท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2565 ทั้งหมด 1,049,200 คนเป็นชาวไทย 1,019,845 คนและต่างชาติ 29,355 คน
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,809 วันที่ 14 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565