ความสำเร็จจากการปลุกปั้นของ “วิษณุ-ศิริญา เทพเจริญ” กำลังถูกส่งไม้ต่อไปยังทายาท หนึ่งในนั้นคือ “มันนี่-ศิรวัฒน์ เทพเจริญ” บุตรชายคนเล็ก ที่ล่าสุดเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้าง บมจ. ณุศาศิริ พร้อมกับนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอร์ แดน ณุศา เอ็นเตอร์เทน จำกัด ธุรกิจใหม่ถอดด้ามของณุศาศิริ
รับไม้ต่อขับเคลื่อน “ณุศาศิริ”
“ศิรวัฒน์” เล่าให้ฟังว่า หลังใช้ชีวิตกว่า 15 ปีในอังกฤษ เขาเดินทางกลับมาเมืองไทยพร้อมพกดีกรี “สถาปนิก” ติดตัวกลับมาก็เข้ามาช่วยงานครอบครัว โดยดูแลด้านการออกแบบ ดีไซน์ คอนเซปท์ให้ตรงกับที่โพสิชั่นนิ่งที่วางไว้ ตามด้วยเรื่องของโอเปอเรชั่น
นอกเหนือจากโปรเจ็กต์ “ณุศาศิริ” พระราม 5 ที่ขยายเฟสใหม่ โปรเจ็กต์ที่ชาเลนจ์ ถึงฝีมือและแนวคิดของ “มันนี่” คือโปรเจ็กต์ “My Ozone เขาใหญ่” ที่เขารับไม้ต่อในการบริหารแม็กเน็ตที่จะมาเป็นแรงดึงดูดให้กับคนรุ่นใหม่ จากก่อนหน้านี้ ที่คุณแม่ “ศิริญา” วางหมากไว้ให้ My Ozone เขาใหญ่ เป็นเมืองสุขภาพครบวงจร รองรับไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย ที่นี่จึงมีทั้งบ้านพัก โรงแรม Movenpick โรงพยาบาลพานาซี และสนามกอล์ฟ
“จุดเริ่มต้นที่แม่วางไว้ คือเรื่องของเวลเนส และการดูแลผู้สูงวัย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ให้กับสังคมได้ การเข้ามาของผมเป็นการช่วยเสริมโปรเจ็กต์ของคุณแม่ให้มีแวลูและตลาดที่กว้างขึ้น โดยนำประสบการณ์ที่มีจากการฝึกงานในองค์กรขนาดใหญ่ที่อังกฤษ มาใช้ร่วมกับการคิดสร้างสรรค์จากไอเดียของตนเอง โดยการนำแบรนด์ที่มีความเป็นลักชัวรี มีไอเดนดิตี้ มีความเป็นยูนีค เข้ามาเป็นจุดขาย โดยนำแบรนด์ต่างๆจากทั่วโลก เข้ามาเสริมสร้างให้ My Ozone แข็งแรงยิ่งขึ้น”
เติมแม็กเน็ตเสริมแกร่ง My Ozone
แม็กเน็ตที่ว่า คือ โรงแรมเคมเปนสกี้ ซึ่งเซ็นสัญญาเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา และโรงแรมคิมป์ตัน โดยอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (ไอเอชจี) ที่เข้ามาลงทุนโรงแรมคิมป์ตัน แห่งที่ 3 ในประเทศไทย 2 เชนโรงแรมระดับโลกที่เลือกปักหมุดที่เขาใหญ่ ร่วมกับณุศาศิริ
นอกจากนี้ยังมีแม็กเน็ตที่ “มันนี่” ภาคภูมิใจ คือ Absolute Hideaway และ Ozone Kids Club บนพื้นที่ 4-5 ไร่ ถือเป็นลานกิจกรรมที่ใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถจัดกิจกรรมอินดอร์-เอาท์ดอร์ สำหรับรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกครอบครัว อาทิ กิจกรรมขี่ม้า ที่มีทั้งโรงแรมสำหรับม้า คอกม้าระดับอินเตอร์ รวมทั้งผู้ดูแลที่มีความชำนาญเฉพาะทาง
“การทรานฟอร์มจากธุรกิจอสังหาฯแบบเดิมๆ ถือเป็นการสร้างสังคมอีกแบบรูปแบบให้กับทุกครอบครัว ซึ่งโปรเจ็กต์ My Ozone มีพื้นที่กว่า 1,300 ไร่ มีมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เริ่มก่อสร้างเฟสแล้วกว่า 20% และจะเพิ่มเป็น 40% ในปี 2566 และ 70-80% ในปี 2568 พร้อมกับการลงทุนในเฟส 2 ทั้งโรงแรมเคมเปนสกรี้และโรงแรมคิมป์ตัน ส่วนเฟส 3 จะเป็นโครงการเรสซิเดนท์ ที่บริษัทลงทุนเอง”
นำร่องจัดเทศกาลดนตรีระดับโลก
อีกหนึ่งธุรกิจที่ “มันนี่” เริ่มเดินหน้าคือธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว และคลุกคลีตั้งแต่สมัยเรียนที่อังกฤษ จึงจับมือกับ “มอร์รีเทิร์น” จัดตั้งบริษัท มอร์ แดน ณุศา เอ็นเตอร์เทน จำกัด เตรียมจัด International Music Festival ระดับโลกครั้งแรกในเอเชีย โดยถือลิขสิทธิ์การจัดงาน Rolling Loud ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี 2566-2571
“โอกาสของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในไทยยังไปได้อีกไกล เพราะไทยเป็นเซ็นเตอร์ของเอเชียและออสเตรเลีย ซึ่งการจัดเทศกาลดนตรีเพลงฮิปฮอป Rolling Loud ครั้งนี้จะมีศิลปินดังระดับโลกเข้าร่วมจำนวนมาก และเป็นที่นิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ การจัดงานแต่ละครั้งจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 2 แสนคน ขณะที่ในประเทศไทยเอง ตั้งเป้าหมายที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าชมงาน 7-8 หมื่นคน และยังสื่อสารไปยังผู้ชมอีกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ถือเป็น Soft Power สร้างชื่อและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยด้วย”
“มันนี่” บอกทิ้งท้ายว่า การเดินหน้าโปรเจ็กต์พันล้าน สำหรับเขาต้องคิดแล้วว่าโปรเจ็กต์จะเป็นอย่างไร ถ้า worst case เรารับได้ เราก็จะเดินหน้าต่อ ลุยต่อ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เรียนรู้มาจากคุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงการบริหารจัดการคน การเข้าใจคน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะไม่มีอะไรที่จะซัคเซสด้วยคนเพียงคนเดียว ต้องเป็นทีม เป็นองค์กร”
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,811 วันที่ 21 - 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565