“อิชิตัน” เผยกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง ดันรายได้โตต่อเนื่อง สินค้าในประเทศโตสวนตลาด กำลังผลิตเพิ่มสูงสุด ส่งผลช่วยต้นทุนต่อขวดลด เดินหน้าบุกตลาด CSD ด้านธุรกิจ OEM ปิดดีล 2 ลูกค้าใหม่ ในขณะที่อิชิตัน อินโดฯ โตเท่าตัว แถมเจาะตลาดใหม่ที่ฟิลิปปินส์ เพิ่มช่องทางการขายอีกกว่า 1,300 แห่ง หนุนฐานกำไรระยะยาว
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรกแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขาย 3,058.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% กำไรสุทธิ 256.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 8.4% โดยรายได้เติบโตสวนทางตลาดเครื่องดื่มประเทศไทย
และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ด้วยความแข็งแกร่งของช่องทางการขาย Traditional Trade และความเป็นแบรนด์ยอดนิยมครองใจคนไทยอันดับ 1 ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน พร้อมย้ำการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ “3N” (New Product, New Market, New Business) ก้าวสู่การเติบโตของยอดขายระดับ 6,500 ล้านบาท หรือโต 24% จากปีก่อนตามที่วางไว้
โดยกลยุทธ์ New Product จะเริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ ได้แก่ การเปิดตัว เย็นเย็นรสบ๊วย+สมุนไพร เพื่อผลักดันให้เป็น Top3 SKU ในตลาด RTD Tea และ ICHITAN No Sugar ชาเขียวเพื่อสุขภาพ สูตรน้ำตาล 0% และ 0 แคลอรี จับเทรนด์ดูแลสุขภาพของผู้บริโภค
ขณะที่ ไฮไลท์ในกลุ่ม Non-Tea เตรียมเปิดตัวเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) ให้เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่เจาะตลาดวัยรุ่น กับแบรนด์น้องใหม่ “TANSUNSU (ตันซันซู)” มาพร้อมคอนเซ็ปต์เครื่องดื่มอัดลมที่ถือเท่ห์แบบ K-Pop ชิงส่วนแบ่งการตลาด ด้วยมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท เปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ วางเป้าพายอดขายไปถึง 500 ล้านบาทต่อปี ด้านเครื่องดื่มกลุ่ม CBD เตรียมส่งอิชิตัน น้ำด่าง 8.5 + CBD ผสานคุณค่าจากน้ำด่างและ CBD สารสกัดธรรมชาติจากกัญชง มานำขบวน
ด้านกลยุทธ์ New Market ภาพรวมตลาดส่งออกมีการทำแคมเปญเข้มข้น รับการเปิดประเทศ และการผ่อนคลายจากสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะใน CLMV คาดว่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ขณะที่ความสำเร็จของบริษัทร่วมค้า อิชิตัน อินโดนีเซีย ส่งสัญญาณบวกต่อเนื่อง รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า 44.6 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 100.9% เนื่องจากการปรับแผนธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ไทย พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่บุกตลาดในกลุ่มชาไทย และกาแฟโคลด์บริว ก้าวต่อไปที่ใหญ่กว่าเดิมกับการนำชาไทยจากอิชิตัน อินโดนีเซีย ขยายไปเปิดตลาดใหม่ที่ฟิลิปปินส์ ผ่าน Alfamart กว่า 1,300 สาขา ภายใต้ความสนับสนุนจาก SM Group -Supermarket ใหญ่ที่สุดของประเทศฟิลิปปินส์ และ Rebisco Philippines เชื่อจะเป็นการสร้างฐานกำไรส่งกลับมาให้อิชิตันกรุ๊ป อย่างมีนัยสำคัญ โดยวางเป้ารับรู้ส่วนแบ่งกำไรกลับมาที่อิชิตัน กรุ๊ป ขั้นต่ำที่ราว 75 ล้านบาทในปี 2565 ด้านการขยายไลน์สินค้าเขย่าตลาดไอศกรีมยังไปได้สวย กับ “ไอศกรีมเนสท์เล่อิชิตัน ชาเขียว ฮันนี่เลมอน” ภายใต้การร่วมมือระหว่าง อิชิตัน และเนสท์เล่ ได้รับการตอบรับดีเกินคาด พร้อมต่อยอดสินค้าใหม่ “ไอศกรีมเนสท์เล่ชาเขียวชิซึโอกะ” ขยายการรับรู้ผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดใหม่ที่ไม่เคยไป
ธุรกิจ OEM ล่าสุด ปิดดีลลูกค้าใหม่เพิ่ม 2 ราย ได้แก่ เครื่องดื่ม Acer Predator Shot Vitamin Drink โดย บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด และ Thaitanium Power Energy Drink เตรียมวางตลาดเร็วๆ นี้ สนับสนุนการใช้อัตราการกำลังการผลิตสูงขึ้นในครึ่งปีหลัง ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of scale) มากขึ้น จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาใช้อัตรากำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ช่วยต้นทุนต่อขวดลดลง
ในไตรมาส 2/2565 อิชิตันเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา ทั้งรายได้ และกำไร จากปัจจัยฤดูกาลเข้าสู่ไฮซีซั่น มีรายได้จากการขาย 1,616.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 12.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 11.4% มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 152.5 ล้านบาท ลดลง 7.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่เพิ่มขึ้น 46.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (QoQ) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.4% สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ไตรมาส 2/2565 ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ด้านต้นทุนในการจัดจำหน่ายลดลง จากการปรับแนวทางมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่ข้อมูลจาก Nielsen เผยถึงภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในงวดครึ่งปีแรก 2565 เติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 20.4% มีมูลค่าตลาดชาพร้อมดื่มอยู่ที่ 6,865 ล้านบาท แข็งแกร่งกว่ากลุ่มเครื่องดื่มโดยรวม