แม้ว่าปัจุบันสถานการณืด้านต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 ลากยาวมาถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมและเครื่องดื่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ในไตรมาสที่3 บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สามารถทำรายได้ 3,369 ล้านบาท เติบโต 29.5% กำไรสุทธิ 358 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 120.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มในประเทศเริ่มสดใส หลังเปิดประเทศและรัฐบาลประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งจากต้นทุนสินค้าและค่าครองชีพที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับสถานการณ์และ Consumer Insight ใหม่ ๆ ได้ทัน พร้อมดำเนินกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง”
ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2565 (1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2565) บริษัทมีรายได้จำนวน 3,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 767 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่ม 1,957 ล้านบาท เติบโต 7.8% และรายได้จากธุรกิจอาหาร 1,412 ล้านบาท เติบโต 79.4% ขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 196 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 120.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
“ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากธุรกิจเครื่องดื่มตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘โออิชิ กรีนที ฮันนี่ เลมอน น้ำตาล 0%’ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มทางเลือกสุขภาพที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงได้รับความสนใจและการตอบรับอย่างสูงจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ประกอบกับการต่อยอดความสำเร็จแคมเปญ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ ซีซั่นแรกที่ได้รับกระแสตอบรับดีมากจากผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงสร้างสรรค์ซีซั่น 2 ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ลวดลายใหม่ของดาบพิฆาตอสูรในผลิตภัณฑ์ขนาด 350 มล. และ 380 มล. พร้อมทำกิจกรรมโปรโมทยังโรงเรียนต่างๆ ในช่วงเวลาเปิดภาคเรียน ส่งผลให้ยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่ธุรกิจอาหารเติบโตมาจากการกลับมาเปิดให้บริการตามปกติของธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะในช่องทางบริการรับประทานอาหารที่ร้าน (Dine-in) ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบ “บริการส่งตรงถึงบ้าน” (Home Delivery) ยังคงได้รับความนิยมและสร้างยอดขายที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน นอกจากนั้นยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจร้านอาหาร เปิดร้านอาหารรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน เช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นจานด่วน “โออิชิ บิซโทโระ” (Oishi Biztoro)
ที่เน้นขยายสาขาออกไปอยู่นอกห้าง เพื่อเข้าถึงง่าย สะดวกสบาย และให้ความคุ้มค่า รวมทั้งร้านอาหารแบบ A-la-carte ในรูปแบบชาบูสไตล์ญี่ปุ่น อย่าง ‘ร้าน ชาบู บาย โออิชิ’ (Shabu by Oishi) ด้านผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงพร้อมทานเร่งเครื่องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์เรดี้มีลและกลุ่มซอสปรุงรสบรรจุขวด พร้อมลุยทุกช่องทางการขาย ทั้งร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ส่งผลให้เติบโตในช่องทางร้านค้าสมัยใหม่ พร้อมผลักดันการขายเกี๊ยวซ่าและแซนวิช จาก โออิชิ อีทโตะ (Oishi Eato) เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศ