นายพรชัย ปัทมินทร นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปริมาณช่อดอกกัญชงหลังจากปลดล็อคมีเยอะขึ้น ในขณะเดียวกันตลาดยังขาดช่อดอกกัญชงคุณภาพแบบ medical เกรด แม้ที่ผ่านมาจะเห็นจำนวนช่อดอกออกมาเยอะแต่ปริมาณที่สามารถนำไปใช้ได้จริงมีเพียง 60-70% เท่านั้น
คาดว่าผลผลิตจะออกมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยในช่วงปลายปี และในช่วงแรกราคาจะยังไม่ถูกลงแน่นอนเพราะดีมานด์สำหรับช่อดอกคุณภาพดีหรือเมดิคอลเกรดยังไม่มากพอ และท้ายที่สุดตลาดจะเป็นตัวจัดความสมดุลระหว่างดีมานด์กับซัพพลายเอง ตอนนี้เป็นช่วงเริ่มต้นของสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชงหรือตลาด CBD ที่เริ่มออกสู่ตลาด จึงเห็นดีมานด์ความต้องการใช้สารกลุ่ม CBD ทางการแพทย์และเพื่อสุขภาพสูงมาก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สร้างรายได้แน่นอน
ดังนั้นจะเห็นการเริ่มต้นของอุตสาหกรรมในปลายปีนี้และเห็นผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วยปีหน้า รวมทั้งความชัดเจนทางด้านราคาจะมีเยอะกว่านี้ ราคาที่ขายในประเทศไทยยังเทียบกับราคาต่างประเทศไม่ได้เพราะว่าคุณภาพการปลูกวิธีการปลูกไม่เหมือนกัน ปัจจุบันทางสมาคมได้มีการประกาศราคากลางออกไปแล้วสำหรับการปลูกแบบ green house และ indoor ตามเปอร์เซ็นต์ CBD แต่ในความเป็นจริงไม่มีใครใช้ราคากลางในการซื้อขายหรือมีก็น้อยมากเพราะว่าโรงสกัดไปกดราคาผู้ปลูก
“แม้จะมีราคากลางออกมาแต่ในความเป็นจริงราคาซื้อขายก็ยังขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย แน่นอนว่าทางสมาคมเป็นหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาไม่มีการค้ากำไรเราพยายามที่จะทำในสิ่งที่เราคิดว่ายุติธรรมที่สุด ด้วยการประกาศราคากลางออกไป ราคาช่อดอกกัญชงที่เราพูดถึงกันหรือตลาด CBD ราคาช่อดอกยังซื้อขายกันตามราคาปกติอยู่ที่เปอร์เซ็นต์ CBD คือ 700 - 1,200 บาทต่อกรัม ขึ้นอยู่กับว่าเป็นการปลูกแบบไหนของเกรดแบบไหน”
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือมีคนสวมสิทธิ์ลักลอบนำกัญชง กัญชาต่างประเทศเข้ามาเสมอ ซึ่งกฎหมายเขียนชัดว่าห้ามนำเข้า นำเข้าได้อย่างเดียวคือเมล็ดพันธุ์ รัฐบาลเปิดเสรีมาเพื่อให้เป็นการสร้างอุตสาหกรรม แต่รัฐก็ต้องปกป้องอุตสาหกรรมให้คนไทยทำแต่ก็มีผู้ประกอบการที่ไม่มีความรับผิดชอบซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า ดังนั้นจะต้องมีหน่วยงานป้องกันปราบปราม ออกกฎหมายมาชัดๆว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่ทำไม่ได้
ด้านนายพงษ์สกร ดำเนิน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานธุรกิจพลังงานและกัญชงกัญชา บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า ปัจจุบันแม้รัฐจะอนุญาตให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชง กัญชาในครัวเรือนได้ ซึ่งประชาชนสนใจลงทะเบียนจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้ผลผลผลิตมากตามที่คาดหวัง เพราะตายหรือผลผลิตไม่งาม เมื่อปลูกไป 1-2 รอบเริ่มเบื่อและเลิกปลูกไป ทำให้ผลผลิตจากภาคครัวเรือนไม่ได้มากเท่ากับจำนวนที่แจ้งจด และผลผลิตส่วนนี้จะไม่ถูกนำออกมาใช้งาน
ส่วนผลผลิตเชิงพาณิชย์ ควรจะแบ่งออกตามวิธีการปลูกคือปลูก intdoor, Green house และตัว outdoor ตอนนี้ผลผลิต outdoor ออกมาพอสมควร แต่ปัญหาคือนำไปใช้เพื่อสันทนาการก็ไม่ค่อยดีเท่าไร หรือเอาไปสกัดก็ยังมีประเด็นในเรื่องของการปนเปื้อนบางโรงสกัดจึงไม่รับสกัด แต่ยังมีบางส่วนที่นำไปทำ CBD Isolate อย่างเดียว ซึ่งตอนนี้ตลาด CBD Isolate ปลายน้ำก็ยังไม่มีประสิทธิภาพเพราะอยู่ในช่วงของการวิจัย
“ในช่วงปลายปีจะเป็นช่วงที่มีผลผลิตออกมามากและมีแนวโน้มที่จะล้นตลาด แต่ของที่ล้นตลาดเป็นของที่ไม่ได้คุณภาพไม่มีใครนำไปใช้ประโยชน์ ไม่มีคนซื้อ โรงสกัดก็จะไม่รับสกัดเพราะว่ากังวลว่าเครื่องจะปนเปื้อน เพราะฉะนั้นถ้าปลูกช่อดอกที่มีคุณภาพได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะยังมีดีมานด์ และในอนาคตสามารถส่งออกช่อดอกคุณภาพสูงไปขายต่างประเทศได้”