ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของ อาร์เอส กรุ๊ป มีแนวโน้มรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฝั่งธุรกิจคอมเมิร์ซ โดยธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มีรายได้เติบโตสูงขึ้น 10% จากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมาจากรายได้การขายคอนเทนต์ไปยังออนไลน์แพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้น และจากรายได้การจัดกิจกรรมอีเวนท์ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
ในขณะที่ ธุรกิจคอมเมิร์ซมีรายได้เติบโตกว่า 20% จากไตรมาสก่อน โดยได้แรงสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ของ ULife เต็มไตรมาส และการขยายช่องทางการจำหน่ายแบรนด์สินค้าสุขภาพและความงามในเครือ รวมถึงการเติบโตของสินค้าสัตว์เลี้ยงแบรนด์ Lifemate ที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ช่วยผลักดันกำไรเติบโตสูงถึง 82 ล้านบาทหรือคิดเป็นเติบโต 525% จากไตรมาสก่อน ด้วยภาพรวมธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน จึงทำให้รายได้รวมไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 946.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% จากไตรมาสก่อน และ 11.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า“ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของ อาร์เอส กรุ๊ป มีแนวโน้มรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในฝั่งธุรกิจคอมเมิร์ซ เรารับรู้รายได้ของ ULife เต็มไตรมาส อีกทั้งยังเดินหน้ากลยุทธ์บนแพลตฟอร์ม RS Mall เพื่อเน้นจำหน่ายสินค้าคุณภาพที่หลากหลายแบรนด์ภายในกลุ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับอัตราการทำกำไรให้สูงขึ้นในระยะยาว โดยในไตรมาส 3/2565 สัดส่วนสินค้า In-house ต่อสินค้าพาร์ทเนอร์อยู่ที่ 70:30 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของธุรกิจคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ “Lifemate” ด้วยการวางจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ขนมแมวเลีย และของว่างสำหรับสุนัข รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง อาทิ แชมพูสำหรับสุนัขและแมว โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง Lifemate ให้เป็นแบรนด์สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจรในอนาคต ซึ่งก็นับเป็นอีกหนึ่งแรงผลักให้ธุรกิจคอมเมิร์ซมีรายได้สูงขึ้นเช่นกัน
ขณะที่ธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์นั้น มีการฟื้นตัวที่ชัดเจนของธุรกิจสื่อซึ่งเห็นการกลับมาของเม็ดเงินโฆษณาซึ่งแบรนด์ต่างๆ ต้องการใช้ในกิจกรรมทางการตลาดแย่งชิงยอดขายในโค้งสุดท้ายของปี อีกทั้งยังมีฟื้นตัวต่อเนื่องจากรายได้การจัดกิจกรรมอีเวนท์ ที่จัดได้เป็นปกติหลังการยกเลิกมาตรการโควิด-19”
ผู้บริหารกล่าวต่อว่า “เราคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รายได้ของอาร์เอส กรุ๊ป จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ยังคงเติบโตได้ดีจากรายได้กิจกรรมอีเวนท์ขนาดกลางและใหญ่กลับมาจัดได้ตามปกติและได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากการรอคอยของผู้บริโภคกว่า 2 ปี โดยคอนเสิร์ตใหญ่ในไตรมาส 4 ทั้ง อาร์เอสมีตติ้ง และกามิกาเซ่ซึ่งขายบัตรได้หมด 100%
ในขณะที่ธุรกิจคอมเมิร์ซยังคงสร้างการเติบโตของจาก 2 แพลตฟอร์มหลัก ทั้ง ULife ที่เป็นธุรกิจขายตรงยุคใหม่ และ RS Mall ที่จัดจำหน่ายสินค้า Health and Wellness ทางออนแอร์และออนไลน์ รวมถึงรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบรนด์ well u และ Vitanature+ รวมไปถึงเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ดริ๊งก์ สูตรใหม่ภายใต้แบรนด์ CAMU C และอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ Lifemate
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A และ JV โดยมุ่งเน้นการเข้ามาต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยล่าสุด ได้จัดตั้ง บริษัท เพ็ท ออล จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจ Pet Wellness ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างธุรกิจสัตว์เลี้ยงแบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ขยายตัวกว้างขึ้น และสามารถดึงศักยภาพของแต่ละธุรกิจมาสนับสนุนซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ด้านนายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับไตรมาส 3 ของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 946.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำกำไรเติบโตสูงถึง 82 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 525% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากทุกธุรกิจหลักที่ฟื้นตัวชัดเจน ทั้งธุรกิจคอมเมิร์ซที่สร้างรายได้ 477 ล้านบาทเติบโตสูง 19.6% จากไตรมาสก่อน และธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สร้างรายได้ 368 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 6.1% จากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตของธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นผลจากรายได้การขายคอนเทนต์ไปยังออนไลน์แพลตฟอร์มที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ธุรกิจสื่อที่มีความหลากหลายของบริษัทฯ ทั้งทีวี วิทยุ และช่องทางออนไลน์ ยังถือเป็นส่วนสำคัญของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแรงของช่องทางการจัดจำหน่ายและเป็นจุดแข็งที่สร้างความแตกต่างให้บริษัทฯ อีกทั้งช่วยสร้างการเติบโตในธุรกิจคอมเมิร์ซด้วย ส่วนธุรกิจเพลงและอื่นๆ มีรายได้จำนวน 101.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% จากไตรมาสก่อน และ 134% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยเติบโตจากการกลับมาของการจัดกิจกรรมต่างๆ หารายได้จากสปอนเซอร์ หลังจากภาครัฐผ่อนคลายนโยบายการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากรายได้การบริหารและจัดเก็บลิขสิทธิ์จากทั้งการใช้ผลงานเพื่อเผยแพร่ในสื่ออื่นๆ และใช้ในสถานบันเทิงที่เริ่มกลับมาดำเนินกิจการเป็นปกติในไตรมาสนี้”