เม็ดเงินโฆษณาฟุตบอลโลก ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ปิดยอดแค่ 136 ล้านบาท
เม็ดเงินโฆษณาช่วง "ฟุตบอลโลก 2022" ไม่ร้อนแรงตามกะแสปิดยอดแค่ 136 ล้านบาท ช่องTrue4U กวาดเม็ดเงินโฆษณามากที่สุด ส่วนช่อง 7 ทำราคาโฆษณาได้ราคาสูงสุด3.5 แสนบาท ขณะที่การแข่งขันระหว่างเยอรมัน-ญี่ปุ่น ทำเรตติ้งสูงสุดในไทยเบียดคู่ชิงแชมป์ อาร์ตินา-ฝรั่งเศสตกเป็นรอง
แม้กระแสบอลโลก FIFA WORLD CUP QATAR 2022 ที่เพิ่งปิดฉากลงไปจะร้อนแรงและเป็นที่สนใจของแฟนบอลชาวไทย แต่เม็ดเงินโฆษณาของแบรนด์และผู้ประกอบการต่างๆที่คาดว่าจะสะพัดในช่วงไตรมาส 4 กลับไม่ร้อนแรงไปตามกระแส เนื่องจากความล่าช้า ความไม่ชัดเจนของรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆในการถ่ายทอดสด เช่น รายชื่อสปอนเซอร์หลัก แพคเกจการขายโฆษณา ตารางช่องทางการถ่ายทอด รวมถึงสิทธิ์ในการสื่อสารทางการตลาดอื่นๆ (Sport Marketing) ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนมหกรรมฟุตบอลจะเริ่มขึ้น
นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับฟุตบอลโลกปีนี้ เปิดเผยว่าโดยปกติมหกรรมกีฬาใหญ่ๆระดับโลกหรือระดับภูมิภาค มักเป็นที่สนใจและติดตามของแฟนกีฬาชาวไทย ซึ่งทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวเม็ดเงินการตลาด สื่อสารการตลาดของเหล่าผู้ประกอบการและแบรนด์จะสะพัดอย่างมากเพื่อเกาะกระแสมหกรรมดังกล่าว
โดยช่วงก่อนปี 2020 ก่อนการระบาดของโควิด มหกรรมกีฬาเหล่านี้ทำให้เกิดเม็ดการตลาด สื่อสารการตลาด โดยเฉพาะเม็ดเงินโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์สะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท แต่ FIFA WORLD CUP QATAR 2022 ที่เพิ่งจบลงไป มีเม็ดเงินโฆษณาสะพัดในสื่อโทรทัศน์ซึ่งถือเป็นสื่อหลักในการรับชมไม่ถึง 200 ล้านบาท
สำหรับปีนี้การแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้แมตช์ที่ทำเรตติ้งในไทยมากที่สุด คือ คู่เยอรมัน-ญี่ปุ่น จากช่วงเวลาถ่ายทอดสด 20.00 น. และการออกอากาศช่องเดียวทำให้คนดูมาจะกระจุกอยู่ที่ช่องเดียว ส่งผลให้เรตติ้งในเชิง Report ออกมาเยอะ ส่วนคู่ที่คาดว่าจะดึงเรตติ้งได้เยอะที่สุดอย่างอาร์เจนตินา-ฝรั่งเศส กลับทำเรตติ้งได้เพียงอันดับ 2 เนื่องจากเวลาการถ่ายทอดสดที่ค่อนข้างดึกเริ่มตั้งแต่22:00 น. รวมทั้งการออกอากาศ 2 ช่องทำให้เกิดการแชร์คนดูระหว่างช่องTrue4U และช่อง 7
“เม็ดเงินโฆษณาในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้มีนัยยะเล็กน้อยคือช่อง 7 ถือว่าโชคดีมากเพราะช่องเดียวที่สามารถทำราคาขายโฆษณาวันรอบชิงได้นาทีละ 3.5 แสนบาท ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้มานานมากแล้ว แต่ยังเป็นราคาขายแบบมีโปรโมชั่นร่วม ขณะที่ช่องอื่นหรือแมตช์อื่นสามารถทำราคาได้แค่หลักหมื่น และมีแมตช์เท่านั้นที่ราคาโฆษณาไปขึ้นไปถึงระดับแสนแต่เป็นการแตะหลักแสนแบบขายพ่วง”
สำหรับแบรนด์ที่มีการโฆษณาตลอดการแข่งขันในปีนี้ สปอตโฆษณาที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นสปอตโฆษณาที่มาจากการลงขันซื้อลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็น CHANG MINERAL DRINK WATER, SPORT AUTHORITY OF THAILAND,NATIONAL SPORTS DEVELOPMENT FUND,TRUE MOVE MOBILE PHONE SYSTEM,PTT SERVICE STATIONSและTRUE MOVE MOBILE PHONE UNITS เป็นต้น ไม่ใช่เม็ดเงินที่มาจากการจ่ายซื้อโฆษณาจริงๆ
ส่วนที่เป็นเม็ดเงินจ่ายจริงมาจากแบรนด์เล็กแบรนด์น้อยเป็นส่วนใหญ่ โดย 2 แบรนด์ที่มีการสเปนดิ้งเม็ดเงินมากที่สุดคือ EURO CAKE PRODUCTSและPEPSI SOFT DRINKS เป็นต้น แต่ยังเป็นเม็ดเงินที่สะพัดน้อยมากราวๆ 136 ล้านบาทเท่านั้น
“ฟุตบอลโลกปีนี้ไม่ได้มาช่วยอุตสาหกรรมโฆษณาเลย ถ้าเปรียบเทียบกับในอดีตเวลาที่มีมหกรรมกีฬาเม็ดเงินจะต้องถูก On Top จากแบรนด์ต่างๆที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์โดยตรงและโดยอ้อม แต่ครั้งนี้ตั้งแต่วันที่เริ่มถ่ายทอดสด 18 พฤศจิกายนตัวเลขไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย โดยช่องที่ถ่ายทอดสดมากที่สุดจะได้เม็ดเงินมากที่สุดก็คือ True4U ทั้งหมด ดังนั้นสรุปว่ามหกรรมนี้มีเม็ดเงินโฆษณาสะพัดแค่ 136 ล้านบาท ซึ่งในสถานการณ์ปกติจะอยู่ที่ 500 ล้านบาทอย่างต่ำและเป็น 500 ล้านบาทแบบเพียวๆคือสถานีโทรทัศน์นำเวลาโฆษณามาขายให้สปอนเซอร์หลากหลายทั้งเจ้าใหญ่เจ้าเล็ก”